ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อไปว่า ในห้วงที่ผ่านมากรมและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดได้ดำเนินตามนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนที่ยากจน การเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิ์ ขยายเขตไฟฟ้าและน้ำประปาทั่วประเทศ แก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ แก้ไขปัญหาการติดตามทวงหนี้ชาวนาอย่างไม่เป็นธรรม การบริหารจัดการครัวเรือนยากจนและพัฒนาคุณภาพชีวิตครัวเรือนยากจนแบบบูรณาการตามผลการสำรวจข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) การพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน การส่งเสริมกิจกรรมตามแผนพัฒนาชนบทเชิงพื้นที่ประยุกต์ตามพระราชดำริ การขยายผลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นต้น
สำหรับระยะต่อไป กระทรวงมหาดไทยจะได้ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ การสนับสนุนระบบเกษตรโซนนิ่ง การกำกับดูแลการดำเนินโครงการที่ใช้งบพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัด กองทุนต่างๆ รวมทั้งเงินอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ทั่วถึง เป็นธรรม เกิดประโยชน์ต่อการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพเต็มเม็ดเต็มหน่วยยิ่งขึ้น สำหรับในส่วนของพื้นที่ชายแดน ก็จะสนับสนุนในเรื่องการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ การค้าชายแดน และเตรียมการรองรับความร่วมมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้ประเทศไทยและประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการพัฒนาที่เกิดขึ้น และมีการเตรียมความพร้อมที่จะรองรับผลกระทบในด้านต่างๆที่จะตามมาควบคู่กันไปด้วย
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวด้วยว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมจะมีทั้งในเรื่องรายได้ คุณภาพชีวิต และความรู้สึกในเชิงเปรียบเทียบกับผู้อื่นหรือกลุ่มบุคคลอื่นๆว่าตนหรือกลุ่มตนได้รับโอกาส ได้รับประโยชน์จากการพัฒนา การให้บริการของรัฐ หรือการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ อย่างไม่เท่าเทียม เป็นธรรม ซึ่งการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของศูนย์ดำรงธรรมที่ คสช. ให้จัดตั้งขึ้นก็จะมีส่วนช่วยลดความรู้สึกในเรื่องดังกล่าวได้อีกทางหนึ่ง จึงได้กำชับไปว่าจะต้องให้บริการประชาชนด้วยหัวใจ ให้ความเสมอภาคเป็นธรรมอย่างแท้จริงและไม่เลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม บางเรื่องก็เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างหรือต้องมีการตัดสินใจในเชิงนโยบาย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะได้เสนอความคิดเห็นต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th