หัวหน้า คสช. มอบแนวทางการดำเนินการสรรหา สปช. แนะดำเนินการอย่างละเอียด โปร่งใส เป็นธรรม มีผลสัมฤทธิ์

ข่าวทั่วไป Thursday September 4, 2014 17:50 —สำนักโฆษก

หัวหน้า คสช. เป็นประธานเปิดประชุมพร้อมมอบแนวทางการดำเนินการสรรหา สปช. ยืนยันเดินตามแผนโรดแมปขั้นที่ 2 ระบุเป็นวันประวัติศาสตร์ของการปฏิรูป พร้อมหาทางให้ผู้ไม่ถูกคัดเลือกเป็น สปช.ได้มีส่วนร่วม แนะให้ดำเนินการคัดเลือกอย่างละเอียดโปร่งใส เป็นธรรม เน้นจัดระเบียบอะไรทำได้ก่อนให้ทำทันที และต้องให้มีผลสัมฤทธิ์

วันนี้ (4 ก.ย.57) เวลา 09.00 น. ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมมอบแนวทางการดำเนินการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยมีคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ 11 ด้าน คณะกรรมการการเลือกตั้ง เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ปลัดกระทรวง อธิบดี หัวหน้าหน่วยงานผู้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด เข้าร่วมงาน

นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวรายงานสรุปการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสปช. ระหว่างวันที่ 14 ส.ค. - 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่า จากการที่มีพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่ให้องค์กรนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิก สปช. ทั้ง 11 ด้าน และในระดับจังหวัด ไม่เกิน 250 คนนั้น จากการเปิดรับการเสนอชื่อที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 14 ส.ค. - 2 ก.ย. นั้น ขณะนี้มียอดผู้เสนอชื่อเข้ารับการสรรหาทั่วประเทศรวม 7,042 คน โดยแบ่งเป็นการเสนอชื่อจากนิติบุคคลจำนวน 4,262 คน และการสรรหาระดับจังหวัดจำนวน 2,780 คน โดยตัวเลขดังกล่าวนี้ยังไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด เพราะต้องรอรายชื่อที่ส่งผ่านทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษที่ประทับตราไม่เกินวันที่ 2 ก.ย. คาดว่าจะสามารถสรุปยอดผู้เสนอรายชื่อทั้งหมดได้ในวันที่ 5 ก.ย.นี้ สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอชื่อนั้น สำนักงาน กกต. ได้ร่วมมือกับ 18 หน่วยงานราชการ ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติต้องห้ามของผู้เสนอชื่อเป็น สปช. โดยตามขั้นตอนแล้วยังมีเวลาอีก 10 วันในการดำเนินการระหว่างวันที่ 3-12 ก.ย. นี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เมื่อสำนักงาน กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะส่งรายชื่อให้คณะกรรมการสรรหาคัดเลือกตั้งแต่วันที่ 13-22 ก.ย. เพื่อให้คัดเลือกเหลือด้านละ 50 คน และจังหวัดละ 5 คน จากนั้นจะส่งรายชื่อให้ คสช.คัดเลือกให้เหลือ 250 คน ภายในวันที่ 23 ก.ย. - 2 ต.ค. นี้

โอกาสนี้ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (หัวหน้า คสช.) กล่าวเปิดการประชุมพร้อมมอบแนวทางการดำเนินการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ สรุปสาระสำคัญว่า จากการรายงานของเลขาธิการ กกต. ถือว่าเป็นความสำเร็จของทุกคนเป็นที่น่ายินดีที่มีผู้สมัครเข้ารับการคัดสรรเป็น สปช. จำนวนมาก จึงขอขอบคุณทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยวันนี้กำลังเดินเข้าสู่โรดแมประยะที่ 2 คือการมีรัฐบาล มีคณะรัฐมนตรี ที่ผ่านมาในระยะที่ 1 คสช. ได้ดูแลการบริหารราชการแผ่นดินซึ่งใช้ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินปกติเป็นส่วนใหญ่ ส่วนบางเรื่องที่ต้องการความเร่งด่วนในการขับเคลื่อนก็ใช้อำนาจของ คสช. ที่มีอยู่ ทั้งนี้ขอให้ทุกคนได้สบายใจว่า คสช. ไม่ได้มุ่งหวังที่จะมีอำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มุ่งหวังทำให้ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยในระยะที่ 2 นี้จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ เพราะการปฏิรูปประเทศไทยไม่เคยเกิดขึ้นมาได้โดยสมบูรณ์ วันนี้จึงถือว่าเป็นวันเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาบ้านเมืองสงบเรียบร้อยมากขึ้น ทุกฝ่ายและประชาชนพอใจที่บ้านเมืองมีระเบียบวินัยขึ้น มีความสงบขึ้น ซึ่ง คสช. คงต้องดำเนินการทางกฎหมายให้ต่อเนื่องเพื่อจะรักษาสถานภาพขณะนี้ให้ได้ และจะนำปัญหาทั้งหมดที่ได้ดำเนินการเป็นการเร่งด่วน มาปรับแก้ในระยะที่ 2 นี้ต่อไปให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยมากขึ้น ไม่เป็นอย่างในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งในวันนี้ได้ทำงานตามแผนงาน ตามโรดแม็ปทั้งหมดที่ได้วางไว้ ทั้งจะทำให้ทุกอย่างเข้าไปอยู่ในกรอบ ไม่มีการชี้นำ โดยขณะนี้กำลังก้าวเข้าสู่การจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้ช่วยกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารทำให้การสมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปฯ เป็นไปได้ด้วยดี

หัวหน้า คสช. กล่าวถึง การคัดสรรผู้สมัครเป็น สปช. จากผู้สมัคร 8,000-9,000 คนให้เหลือ 250 คน ว่าอยากให้ทุกคนได้พิจารณาให้เป็นธรรมว่าทำอย่างไรจะปฏิรูปได้โดยไม่มีความขัดแย้งต่อไป โดยสิ่งแรกที่อยากให้พิจารณาคือยอดคนที่เข้ามาแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มทั้ง 11 กลุ่ม ที่จะเห็นได้ว่าประชาชนให้ความสนใจกลุ่มใดมากกว่า แสดงว่าเรื่องนั้นคือปัญหาสำคัญที่จะต้องดำเนินการให้ได้โดยเร็ว ทั้งนี้ เป็นงานยากในการที่จะคัดคนเข้ามาให้เหมาะสม อย่างไรก็ตามจะหาโอกาสให้ผู้ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกได้มีส่วนร่วมด้วย ไม่ต้องห่วงว่าจะไปล็อกสเป็ก เพราะไม่รู้จักใครสักคน ถือว่าเป็นโอกาสให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน ขอฝากคณะกรรมการสรรหาแต่ละด้านและ คสช. ได้คัดเลือกด้วยความละเอียด รอบคอบ โปร่งใส เป็นธรรม เพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณภาพ มีความมุ่งมั่นเสียสละอย่างแท้จริงที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปฯ เพราะถือว่า สปช. เป็นบุคคลที่จะต้องทุ่มเท เสียสละ ทำงานให้ประเทศไทยมีการปฏิรูปที่บรรลุผลสัมฤทธิ์โดยสมบูรณ์ เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคนไทย สังคมไทย เพื่อปฏิรูปประเทศไทยด้านต่าง ๆ ให้มีความเจริญก้าวหน้า ประชาชนมีความผาสุกอย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้ หัวหน้า คสช. กล่าวถึงการมีส่วนร่วมและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่นอกเหนือจากสภาปฏิรูปฯ ว่า คสช. ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยได้กำหนดนโยบายให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ในช่วงระยะที่ 1 เพราะผมต้องการความคิดเห็นที่หลากหลาย โดยได้มีการรวบรวมส่งข้อมูลให้กับสภาเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิรูปต่อไปในอนาคต โดยในช่วงที่ 2 นี้นอกจากสภาปฏิรูปฯ แล้ว จะให้มีการทำงานคู่ขนาน โดยสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมจะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่มีคนส่งมาให้ แล้วส่งให้เลขาธิการรัฐสภาเพื่อให้สภาปฏิรูปฯ ไปพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมทุกเป้าหมายที่ต้องการ และในส่วนของภูมิภาค ให้ กอ.รมน. รับผิดชอบในภาพรวม มี กอ.รมน. ภาค กอ.รมน. จังหวัด ศูนย์ดำรงธรรม เป็นผู้ปฏิบัติ เพื่อจะรวบรวมความคิดเห็นอีกทางหนึ่งขึ้นมาคู่ขนานไปกับสภาปฏิรูปฯ เพราะเราต้องเข้าใจให้ตรงกันว่าการปฏิรูปคือการที่เราจะก้าวหน้าประเทศไทยไปอย่างไร และจะต้องว่าด้วยการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากให้แนวทางคือต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า เน้นจัดระเบียบของเรื่องที่จะต้องปฏิรูปให้ได้ จะทำอะไรก่อนก็ทำทันที แล้วต้องมีผลสัมฤทธิ์เกิดขึ้นมาโดยทันที และอะไรที่จะต้องส่งต่อไปเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ไปจัดลำดับให้ได้ คือหลักการของ 11 หัวข้อ คำว่าทำก่อนคือไม่ใช่ทำเรื่องนี้ก่อนเรื่องนั้นหลัง แต่ทุกเรื่องอะไรทำก่อนแล้วก็ต้องทำทันที ให้มีผลสัมฤทธิ์เกิดขึ้นภายในระยะเวลา 1 ปีที่ขณะนี้เหลือเวลาประมาณ 10 เดือน แล้วที่เหลือจะทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืนต่อไป ไม่ใช่ว่าวันหน้าก็เปลี่ยนอีก เพราะจะปฏิรูปไม่ได้

“วันนี้หลายคนบอกว่าการปฏิรูปครั้งนี้ ควรจะให้รัฐบาลเลือกตั้งเป็นคนทำ ผมถามว่าทำได้ไหม ท่านต้องอธิบายให้เขา ที่ผ่านมาก็คิดจะทำกันมาตลอด ไม่ว่าจะตอนไหนก็แล้วแต่ ทำก่อนทำหลังทำหน้า พอเราจัดให้ทำบอกว่าไม่เป็นธรรรม อย่างนี้ไม่เป็นธรรมกับผมนะ การจัดทำผลสำรวจ ทำก่อน ทำจริง มีผลสัมฤทธิ์โดยมีตัวชี้วัด ตัวชี้วัดวันนี้ KPI ที่เขียนมาทั้งหมดทุกกระทรวงผมเห็นว่าส่วนใหญ่จะเป็นเอาไว้จัด เขาเรียกว่าอะไร เอาไว้ให้คะแนนบุคคล วันนี้ไม่ได้ ผมอยากให้ตัวชี้วัดผมบอกให้แนวทางไว้แล้ว ผมไม่ทราบหลักการจะผิดหรือถูกอย่างไร ตัวชี้วัดต้องเป็นตัวชี้วัดเรื่องผลสัมฤทธิ์ของทุกกระทรวง ของทุกหน่วยงานเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เอามาเพื่อประเมินตัวบุคคล อันนั้นก็คนละเรื่อง อันนั้นเพื่อไปดูเรื่องความก้าวหน้าของบุคคลในหน้าที่อาชีพอะไรก็ว่าไป แต่ผลสัมฤทธิ์ของแต่ละหน่วยงานต้องเป็น KPI ไม่กี่ตัวหรอก 4-5 ตัว พอแล้ว ไม่ใช่เป็น 100 ตัว 100 ตัวก็ขีดไปเรื่อย ไม่ได้ แล้วออกมาดีหมด ไม่ได้ ต่อไปนี้ คสช. จะกำหนด KPI ด้วย เพราะว่าเราทำงานคู่กันอยู่แล้ว เพื่อจะทำให้รัฐบาลนั้นสามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน” หัวหน้า คสช. กล่าว

หัวหน้า คสช. กล่าวด้วยว่า ได้รับข้อห่วงใยมากจากทั้งส่วนราชการ กองทัพ ประชาชนทุกภาคส่วน ที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความเป็นธรรมและการร้องเรียนต่าง ๆ ในเรื่องของการคัดสรร ซึ่งขอเรียนว่าคิดว่าทุกคนรู้หน้าที่ กรรมการคัดสรรทุกคนเป็นผู้มีเกียรติ ข้าราชการต่าง ๆ ก็เป็นผู้มีเกียรติ ประชาชนทุกคนก็เป็นผู้มีเกียรติ จึงขอให้ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน สำหรับในส่วนของผู้ที่ไม่ได้รับการคัดสรรขอให้ร่วมมือกับเราต่อไป รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกทุกอย่างเพื่อให้เป็นไปได้ เพราะจะต้องนำสู่การปฏิบัติในทุก ๆ รัฐบาลต่อไป

“การปฏิรูปการเมืองทุกคนทราบดี ปฏิรูปการเมืองมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางคนบอกดีอยู่แล้ว บางคนบอกต้องปรับปรุงแก้ไข จะอย่างไรไปหามาให้ได้ ปฏิรูปการเมือง อันนี้คือสิ่งที่ต้องทำด่วนทำทันที และมีผลสัมฤทธิ์ว่าจะทำกันอย่างไรเพราะเป็นอนาคตของเรา เป็นเรื่องเร่งด่วน และผมอยากใช้คำว่าระดมสติปัญญาคนไทย ในการช่วยนำการเมืองประชาธิปไตยแบบตะวันตกมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับคนไทย เพราะคนไทยไม่เหมือนคนอื่นๆ ไม่เหมือนชาติอื่นในโลกนี้ ผมว่ามีอยู่ชาติเดียวที่เป็นแบบนี้ ส่วนใหญ่ดี เพราะว่าเป็นคนที่ชอบแสดงความคิดเห็น แต่ไม่ยอมรับความแตกต่าง อันนี้ไม่ได้ ต้องหาทางว่าทำอย่างไรความแตกต่างเกิดขึ้นจะเกิดผลผลิตด้วยรวมออกมา อะไรที่ยังไม่เห็นด้วยทำไม่ได้ก็อย่าไปทะเลาะกัน ถ้าทะเลาะกันทุกเรื่องก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ แก้อะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นสาเหตุการเข้าควบคุมอำนาจของ คสช. เมื่อ 22 พฤษภาคม เราเข้ามาดูแลบ้านเมืองเข้ามาควบคุมอำนาจ ไม่ได้ไปแย่งอำนาจใครมา เพราะว่าวันนั้นรัฐบาลมี รัฐบาลก็ไม่สมบูรณ์ ทำอะไรไม่ได้เต็มที่ทุกคนเขาเข้าใจดี” หัวหน้า คสช. กล่าว

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


แท็ก โรดแมป  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ