นางระรินทิพย์ ศิโรรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) กล่าวว่า ปี ๒๕๔๔ รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มอบให้สหพันธ์เยาวชนแห่งประเทศจีน (All-China Youth Federation : ACYF) และประเทศไทยได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ หรือสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) ในปัจจุบัน ร่วมกันดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนระหว่างประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยให้ชื่อโครงการว่า “โครงการเรือเยาวชนมิตรภาพลุ่มแม่น้ำโขง (Youth Friendship Voyage Project along Lanchangjiang River” และได้เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “โครงการมิตรภาพเยาวชนลุ่มแม่น้ำโขง” (The Mekong Friendship Program) และปี ๒๕๕๖ ได้เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “โครงการมิตรภาพเยาวชน อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง” (GMS Youth Friendship Program) ซึ่งการดำเนินโครงการได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก ACYF และหน่วยงานที่รับผิดชอบจากประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอีก ๔ ประเทศ ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม
นางระรินทิพย์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) โดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) ตระหนักถึงความสำคัญของโครงการดังกล่าว ซึ่งดำเนินงานมาเป็นระยะเวลานาน แต่ยังไม่ได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันอย่างเป็นทางการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยสท. จึงจัดการประชุม “Meeting on GMS Youth Friendship Program : Past, Present and Future Step” เพื่อเป็นการประเมินผลการดำเนินงานโครงการ เสนอแนะแนวทางการดำเนินโครงการในอนาคตร่วมกัน และเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของหน่วยงานผู้รับผิดชอบ รวมถึงหาแนวทางการสร้างเครือข่ายของอดีตผู้เข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นศูนย์กลางความร่วมมือระหว่างกัน สำหรับการประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนทั้งสิ้น ๔๐ คน ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการและอดีตผู้เข้าร่วมโครงการจาก ๖ ประเทศ ได้แก่ ประเทศจีน กัมพูชา พม่า ลาว เวียดนาม และไทย
“ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยได้มีการจัดตั้งสมาคมอดีตผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวขึ้นแล้ว โดยใช้ชื่อว่า “Association of the Greater Mekong Sub- Region Youth Friendship of Thailand : AGMS Thailand” ซึ่งมีอดีตผู้เข้าร่วมโครงการที่ได้ผลักดันและร่วมกันก่อตั้งสมาคมได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย และขอให้ทุกประเทศที่เข้าร่วมโครงการมีการจัดตั้งสมาคมหรือชมรมอดีตผู้เข้าร่วมโครงการให้ครบทุกประเทศ เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือให้เป็นรูปธรรมต่อไป” นางระรินทิพย์ กล่าวตอนท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th