นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) โดยสำนักมาตรฐานการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(สมพ.) มีบทบาทหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนความเข้มแข็งขององค์กรภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน อาสาสมัคร และองค์กรธุรกิจในการดำเนินงานด้านการพัฒนาสังคมและการจัดสวัสดิการสังคม ซึ่งมีการดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไป ผู้มีจิตอาสา และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) มีส่วนร่วมในการดำเนินงานด้านการพัฒนาสังคมตามภารกิจของกระทรวงฯ ตามโครงการเสริมพลังทางสังคมและการมีส่วนร่วมของเครือข่าย ปี ๒๕๕๗ และอาสาสมัครมีการดำเนินงานและปฏิบัติงานเป็นที่เด่นชัด เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ กระทรวงฯได้เสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ให้แก่ผู้กระทำความดีความชอบทั้งในด้านการช่วยเหลือราชการ การบำเพ็ญกิจการอันเป็นสาธารณประโยชน์และการบริจาคทรัพย์สิน ซึ่งโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๔๗ ราย และในปี ๒๕๕๗ กระทรวงฯ มีการคัดเลือก อพม.ดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๗ จำนวน ๗๗ ราย ได้รับประกาศเกียรติคุณ และมี อพม.ดีเด่นพิเศษ จำนวน ๑๔ ราย ได้โล่ประกาศเกียรติคุณพร้อมเข็มเชิดชูเกียรติ
นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า การได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ได้เสียสละกำลังกาย กำลังใจ กำลังความคิด รวมถึงกำลังทรัพย์ อุทิศตนทำงานเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติโดยส่วนรวม มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน และเป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนในการดำเนินงานด้านการพัฒนาสังคม และการพิทักษ์ คุ้มครองสิทธิประชาชนและผู้ด้อยโอกาส ส่งผลให้ผู้ที่ประสบปัญหาทางสังคมได้รับการดูแลและได้รับบริการทางสังคมที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวเป็นภารกิจของกระทรวงฯ มีขอบข่ายงานที่กว้างขวาง และหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไม่สามารถดำเนินงานได้โดยลำพัง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
“ทั้งนี้ การเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี ความปรองดองสมานฉันท์ เป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนในชาติต้องร่วมกันเสริมสร้างจึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้ ซึ่งขอให้ทุกคนที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติครั้งนี้ เป็นกลไกหลักในระดับพื้นที่และเป็นผู้นำในการเสริมสร้างทัศนคติที่ดีผ่านกระบวนงานด้านการพัฒนาสังคมตามบทบาทหน้าที่ด้วยมิตรไมตรี มีความเอื้ออาทร ปฏิบัติต่อกันด้วยความเป็นธรรม คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ย่อมนำไปสู่การสร้างสังคมแห่งความปรองดองสมานฉันท์ต่อไป” นายวิเชียร กล่าวตอนท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th