นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ ที่มุ่งเน้นการสร้างความเป็นธรรมในสังคม และการพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน ตลอดจนนโยบายรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มี ๓ ประเด็น ได้แก่ ๑)การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและการสร้างโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐ ๒) การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และ ๓) การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน กอปรกับเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่มุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม พัฒนาสังคมร่วมกันอย่างยั่งยืน การขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ปี ๒๕๕๘ จึงมุ่งเน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน และการบูรณาการการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นนโยบายที่เกิดจากการ “ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบอย่างแท้จริง”
ทั้งนี้ สำหรับปี ๒๕๕๘ กระทรวงฯ มีนโยบายเร่งด่วน ดังนี้ ๑)การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อเป็นศูนย์ข้อมูลและวิเคราะห์สถานการณ์ทางสังคม และให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงฯ อย่างทันท่วงที ๒)การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๕๘ สำหรับการฝึกอบรมประชุมสัมมนา ให้คำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับและการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นหลัก ๓)การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ โดยสนับสนุนการป้องกัน ให้การช่วยเหลือและคุ้มครองผู้เสียหายให้พร้อมคืนสู่สังคม ๔)การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (Life Cycle) เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัยให้ประชากรทุกกลุ่มเป้าหมายมีคุณภาพชีวิตที่ดี ๕)การเตรียมความพร้อมการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ โดยการดำเนินงานศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุในทุกจังหวัด ๖)การพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) โดยการส่งเสริมความรู้ พัฒนาทักษะ และความสามารถของ
อพม. ๗)การเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยการบริการสวัสดิการสังคมให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายตามภารกิจของกระทรวงฯ และ ๘)การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยการส่งเสริมและคุ้มครองการเข้าถึงสิทธิคนพิการ
นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า สำหรับนโยบายการปฏิรูปและการพัฒนา มีดังนี้ ๑)การปรับโครงสร้างองค์กร โดยรวมงานด้านนโยบายและวิชาการ และการปฏิบัติของกลุ่มเป้าหมายเดียวกันให้อยู่ในส่วนราชการเดียวกัน เพื่อให้สามารถกำหนดเป้าหมายและทิศทางการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒)การพัฒนากฎหมายด้านสังคม การทบทวนและพัฒนากฏหมายที่ล้าสมัยให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ๓)การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว เพื่อสร้างเสริมสัมพันธภาพที่ดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว ๔)พัฒนาระบบการคุ้มครองทางสังคมและพิทักษ์สิทธิ จัดสวัสดิการช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส และ ๕)การสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัวและการทำงาน (Work Life Balance) โดยการจัดตารางเวลาการทำงานและการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ “การขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงฯ จะไม่สามารถสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี หากขาดความร่วมมือจากผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ขอให้ทุกท่านจงเป็นพลังในการขับเคลื่อนการแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติ ให้บรรลุผลสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนต่อไป” นายวิเชียร กล่าวตอนท้าย.
ที่มา: http://www.thaigov.go.th