ทำเนียบรัฐบาล--11 ก.ย.--บิสนิวส์
วันนี้ (10 ก.ย.) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายการบริหารงานรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 3/2540 เพื่อจัดระเบียบราคาให้ถูกต้องตามกฏหมาย คือ ต้นทุนและภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จะแยกกันอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการจัดระบบจัดเก็บภาษีให้ถูกต้อง โดยยึดหลักว่าผู้มีรายได้ที่ดีกว่าต้องช่วยผู้มีรายได้ต่ำกว่า สามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
ที่ประชุมเห็นชอบให้การประปานครหลวง (กปน.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และการเคหะแห่งชาติ (ซึ่งรับผิดชอบการจำหน่ายน้ำระดับสูงในอาคารของการเคหะฯ) ใช้เกณฑ์การเก็บ VAT เดียวกัน โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ใช้น้ำไม่เกิน 30 ลูกบาศก์เมตร ให้รับภาระภาษีตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2541 เพื่อให้ประชาชนประหยัด และรัฐมีเงินมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เงินบาทแข็งขึ้น ตามเป้าหมายที่ IMF ต้องการ
ส่วนการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่ประชุมเห็นชอบให้ผลักภาระภาษีไปสู่ผู้บริโภคทันที เนื่องจากผู้ใช้บริการ หรือผู้บริโภค เป็นผู้ประกอบการที่สามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มไปขอคืนภาษีจากรัฐได้ และการปรับภาษีเป็น 10% ส่งผลให้การดำเนินงานของการท่าเรือฯ ขาดทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดเพื่อใช้จ่ายในการลงทุนในอนาคตด้วย
สำหรับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยนั้น จะผลักภาระภาษีให้แก่ผู้บริโภคทันที (ตั้งแต่ 16 สิงหาคม 2540) แต่ให้ผู้อยู่อาศัยในนิคมฯ รับภาระภาษี ตั้งแต่ 1 มกราคม 2541 เพื่อให้เป็นไปตามหลักการของคณะกรรมการฯ คือส่งผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยให้น้อยที่สุด
ในส่วนของการสื่อสารแห่งประเทศไทย และองค์การโทรศัพท์ นั้น ให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการจัดหาแนวทางในการจัดระบบภาษีใหม่ โดยให้เร่งดำเนินการเพื่อให้ทันนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พร้อมกับรัฐวิสาหกิจข้างต้น ในวันที่ 15 กันยายน 2540--จบ--
วันนี้ (10 ก.ย.) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายการบริหารงานรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 3/2540 เพื่อจัดระเบียบราคาให้ถูกต้องตามกฏหมาย คือ ต้นทุนและภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จะแยกกันอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการจัดระบบจัดเก็บภาษีให้ถูกต้อง โดยยึดหลักว่าผู้มีรายได้ที่ดีกว่าต้องช่วยผู้มีรายได้ต่ำกว่า สามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
ที่ประชุมเห็นชอบให้การประปานครหลวง (กปน.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และการเคหะแห่งชาติ (ซึ่งรับผิดชอบการจำหน่ายน้ำระดับสูงในอาคารของการเคหะฯ) ใช้เกณฑ์การเก็บ VAT เดียวกัน โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ใช้น้ำไม่เกิน 30 ลูกบาศก์เมตร ให้รับภาระภาษีตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2541 เพื่อให้ประชาชนประหยัด และรัฐมีเงินมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เงินบาทแข็งขึ้น ตามเป้าหมายที่ IMF ต้องการ
ส่วนการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่ประชุมเห็นชอบให้ผลักภาระภาษีไปสู่ผู้บริโภคทันที เนื่องจากผู้ใช้บริการ หรือผู้บริโภค เป็นผู้ประกอบการที่สามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มไปขอคืนภาษีจากรัฐได้ และการปรับภาษีเป็น 10% ส่งผลให้การดำเนินงานของการท่าเรือฯ ขาดทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดเพื่อใช้จ่ายในการลงทุนในอนาคตด้วย
สำหรับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยนั้น จะผลักภาระภาษีให้แก่ผู้บริโภคทันที (ตั้งแต่ 16 สิงหาคม 2540) แต่ให้ผู้อยู่อาศัยในนิคมฯ รับภาระภาษี ตั้งแต่ 1 มกราคม 2541 เพื่อให้เป็นไปตามหลักการของคณะกรรมการฯ คือส่งผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยให้น้อยที่สุด
ในส่วนของการสื่อสารแห่งประเทศไทย และองค์การโทรศัพท์ นั้น ให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการจัดหาแนวทางในการจัดระบบภาษีใหม่ โดยให้เร่งดำเนินการเพื่อให้ทันนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พร้อมกับรัฐวิสาหกิจข้างต้น ในวันที่ 15 กันยายน 2540--จบ--