คกก.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือฯ เห็นชอบมาตรฐานฯ ทั้งคุณสมบัติ วิธีทดสอบ ช่างเย็บ – พิมพ์ออฟเซต – ติดตั้งเฟอร์ฯ - เครื่องกล

หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ครั้งที่ 6 ปี 2557 ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบในหลายประเด็น อาทิ ประเด็น (1)ปรับปรุงมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ/คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบสาขาอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์สาขาช่างเย็บ ระดับ 1-3 และวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานฯ สาขาอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์ สาขาช่างเย็บ ระดับ 1 ประเด็น(2) มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ คุณสมบัติของผู้เข้ารับการทดสอบ สาขาอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์ สาขาช่างพิมพ์ออฟเซต ประเภทป้อนแผ่น ระดับ 1-3 และวิธีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานฯ สาขาอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์ สาขาช่างพิมพ์ออฟเซต ประเภทป้อนแผ่นระดับ 1 ประเด็น (3) รับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานของผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545 สาขาอาชีพก่อสร้าง สาขาช่างประกอบติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ (กลุ่มเฟอร์นิเจอร์บ้าน) ระดับ 1 ประเด็น (4)รับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานของผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545 สาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาพนักงานช่างบริการ ระดับ 1 ประเด็น (5)อนุมัติตัดหนี้สูญของผู้กู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานที่เสียชีวิตจำนวน 6 ราย เป็นเงิน 313,428 บาทเศษ และประเด็น (6) เห็นชอบแนวปฏิบัติในการดำเนินการเกี่ยวกับเงินรอจ่ายคืนลูกหนี้กองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานที่ชำระหนี้เกินมูลหนี้ โดยการจัดทำรายละเอียดเงินรอจ่ายคืนลูกหนี้ที่ชำระเงินเกินมูลหนี้แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ ลูกหนี้ที่ยอดเงินรอจ่ายคืนต่ำกว่า 100 บาทให้จัดทำประกาศเผยแพร่ ณ ที่ทำการของหน่วยงานที่ลูกหนี้ปิดบัญชี ศาลากลางจังหวัดและประกาศทางเว็บไซต์หน่วยงาน กำหนดรับเงินคืนภายใน 30 วันนับแต่วันประกาศ ส่วนลูกหนี้ที่ยอดเงินรอจ่ายคืนตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ให้ทำหนังสือแจ้งผู้กู้/ผู้ค้ำ ติดต่อรับเงินคืนภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ

รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักพัฒนามาตรฐานและทดสอบฝีมือแรงงานและกลุ่มงานกฎหมาย กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พิจารณารูปแบบของร่างมาตรฐานดังกล่าวให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตามในอนาคตจะมีทุนอุดหนุนเพื่อส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการพัฒนาศักยภาพคนของตัวเอง เพราะการพัฒนาต้องส่งเสริมภาคเอกชน ซึ่งอย่างน้อยถ้าคนในวัยกำลังแรงงาน 10 ล้านคน จะต้องมีการพัฒนาฝีมือแรงงานให้ได้ 4-5 ล้านคน การส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการพัฒนาศักยภาพของคน จะทำให้แรงงานไทยเป็นแรงงานที่มีฝีมือมากขึ้น นับเป็นความสำเร็จของอุตสาหกรรมที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งและมีบทบาทในการกำหนด Competency ออกมาพัฒนามาตรฐานไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไปได้

กลุ่มงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์

ที่มา: http://www.thaigov.go.th