พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากกรณีนางสาว ก.(นามสมมติ) อายุ ๒๙ ปี มารดาของ ด.ญ. เอ (นามสมมติ) อายุ ๑๐ ปี นำบุตรสาวเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรตะกั่วป่า จ.พังงา เมื่อวันที่ ๒๗ ก.ค.๕๗ ๕๗ จากกรณีที่ถูกนายเล็กล่วงละเมิดทางเพศมาหลายครั้ง ซึ่งผู้ต้องหาหลังจากสอบสวนแล้วได้ควบคุมตัวและฝากขังในชั้นแรก ๕ วัน ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และหลังจากนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่หน้าบ้านของนางสาว ก. จึงทำให้ ด.ญ.เอ ไม่กล้าไปโรงเรียน เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยและใช้ชีวิตตามปกติได้ ส่วนนางสาว ก. ก็ต้องถูกออกจากงาน เพราะหยุดงานบ่อย เนื่องจากใช้เวลาส่วนใหญ่ใน การดูแลบุตรสาว นางสาว ก. จึงได้เข้าร้องเรียนต่อ นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสภาทนายความฯ เนื่องจากกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ประสานไปยังบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพังงาและสภาทนายความ เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีดังกล่าวเพื่อให้ความช่วยเหลือ พร้อมขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเร่งรัดคดีและให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อคุ้มครองผู้เสียหาย รวมถึงกำชับเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพังงา (พมจ.พังงา) ให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายอย่างเร่งด่วน สำหรับกรณี พ่อก่อเหตุข่มขืนลูกสาว ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ ๑๔ ปี ซึ่งเป็นบุตรสาวแท้ๆ มาเป็นเวลานานเกือบ๑ ปี ที่จังหวัดเพชรบุรี โดยในขณะนี้ ด.ญ. บี ผู้เสียหายอยู่ในความดูแลบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดเพชรบุรีแล้ว และตนได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงฯ ให้การช่วยเหลือดูแลและเยียวยาผู้เสียหายอย่างเต็มที่แล้ว พร้อมทั้ง ให้สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับสตรีและครอบครัว เข้ามาดูแลเกี่ยวกับการสร้างแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก
พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีแม่พบลูกสาว หลังหายออกจากบ้านนานกว่า ๑๐ ปี เนื่องจากลูกสาวทนไม่ไหวถูกน้าข่มขืน ที่จังหวัดชลบุรี และกรณีชายวัย ๑๙ ปี ฆ่าเด็กชายวัย ๔ ขวบ ที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตนได้ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินงานช่วยเหลือผู้เสียหาย นอกจากนี้ ยังได้ให้เจ้าหน้าที่ติดตามการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพคนพิการที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ล่าช้า และนำผลการติดตามมารายงานในที่ประชุมครั้งต่อไป รวมทั้ง ได้เน้นย้ำกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯ เกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ให้เป็นไปได้เรียบร้อย ตามแผนเร่งด่วน ๗ ข้อและนโยบายของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมกับกำหนดทิศทางการปฏิบัติงานในระยะเร่งด่วน คือ ๑) การจัดทำแผน แอ๊คชั่นแพลน ของหน่วยในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒)การจัดทำแผนการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคคลากรกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยเฉพาะระดับผู้บริหาร ๓)การจัดตั้งห้องวอร์รูม เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารอำนวยงานและขับเคลื่อนของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และ ๔) การประชุมคณะกรรมาการระดับชาติ ตามพรบ.ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.๒๕๕๑ เพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้จะมีการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยงานต่างๆในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อติดตามสถานการณ์และรับทราบปัญหา เพื่อให้การขับเคลื่อนงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th