สำหรับการขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางนั้น การดำเนินโครงการดังกล่าวได้มีการดำเนินการมาและสิ้นสุดไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2556 แต่โครงการดังกล่าวยังมียางอยู่ในสต็อกและยังไม่ได้ขายออกไปทั้งหมด ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่จะต้องดูแลในการจัดเก็บรักษายาง จึงต้องมีการขอขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการดังกล่าวออกไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2557 และมีการของบประมาณเพื่อใช้ในการดูแลการจัดเก็บรักษายาง 145 ล้านบาท จนถึงวันที่31 ธันวาคม 2557
ส่วนการดำเนินการแก้ไขปัญหายางพารา ซึ่งมีมาตรการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรเฉพาะระบบสหกรณ์เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ในการแก้ไขราคายางพารา นั้น วันนี้ ครม. ได้มีมติเห็นชอบเพิ่มเติมขยายกลุ่มองค์กรเกษตรกรเป้าหมาย โดยขยายไปถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ซึ่งหมายถึงกลุ่มสมาชิกที่ประกอบกันทำธุรกิจทางด้านการผลิต การแปรรูป การตลาด ในการรวบรวมยางพาราที่มีการรวมตัวกันและมีสมาชิกประกอบด้วยตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และมีระบบการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ มีการรวบรวมสมาชิกเพื่อที่จะดำเนินการรวบรวมน้ำยางหรือยางเข้าสู่ระบบวิสาหกิจชุมชน ให้สามารถเข้าร่วมดำเนินโครงการในการที่จะทำหน้าที่รวบรวมยางพาราและรับสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. ได้ด้วย โดยระยะเวลาโครงการเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2557 - วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถให้ระบบสหกรณ์และระบบวิสาหกิจชุมชนสามารถเข้ามาทำหน้าที่ในการรวบรวมยางพาราจากสมาชิกเพื่อดูแลศักยภาพราคายางพาราให้มีราคาดีขึ้น ทั้งนี้โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่เดิม ครม.ได้มีมติเห็นชอบกรอบวงเงิน จำนวน 10,000 ล้านบาท ให้กับระบบสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์การเกษตรสามารถขอรับการสนับสนุนสินเชื่อจาก ธ.ก.ส.ได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มาตรการที่มีความชัดเจนที่ดำเนินการเพื่อดูแลเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรและเป็นโครงการที่สนับสนุน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรชาวนา และโครงการที่สนับสนุนให้ระบบสหกรณ์มีความสามารถในการขอรับสินเชื่อไปเพื่อดำเนินการรวบรวมข้าวในฤดูกาลผลิตที่จะออกใหม่ ให้ระบบสหกรณ์ได้ทำหน้าที่ในการดูแลเสถียรภาพราคาข้าว โดยโครงการที่ ครม.เห็นชอบวันนี้เป็นโครงการดูแลรักษาเสถียรภาพราคายางพารา
ในส่วนของโครงการยางพาราที่อยู่ภายใต้บทบาทของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กรอบวงเงิน 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 10,000 ล้านบาท สำหรับสนับสนุนให้สหกรณ์และวิสาหกิจชุมชนได้มีเงินไปหมุนเวียนในการรับซื้อรวบรวมน้ำยางก้นถ้วยและยางแผ่นจากสมาชิก ส่วนวงเงินอีก 5,000 ล้านบาท อำนวยสินเชื่อให้กับระบบสหกรณ์ที่ต้องการสินเชื่อเพื่อไปลงทุนในการปรับปรุงอาคารโรงเรือนหรือดำเนินการจัดหาเครื่องมือ เครื่องจักรในการแปรรูปยางพารา รวมทั้งสภาพคล่องที่จะให้สหกรณ์เหล่านี้ได้มีเงินสำหรับซื้อยางมาแปรรูป รวมเป็นเงินทั้งหมด 15,000 ล้านบาท
ส่วนข้าว 2 โครงการ นั้น โครงการลดดอกเบี้ยเป็นโครงการสินเชื่อปกติที่ ธ.ก.ส. ดำเนินการอำนวยสินเชื่อให้กับเกษตรกรชาวนาซึ่งทุกปีการผลิตเกษตรกรชาวนาก็จะขอรับสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. ในกรอบวงเงินปีหนึ่งประมาณ 80,000 - 90,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการให้สินเชื่อตามกรอบอำนวยสินเชื่อปกติของ ธ.ก.ส. สำหรับกรอบวงเงินสินเชื่ออำนวยให้กับระบบสหกรณ์เพื่อดำเนินการรวบรวมข้าวเปลือกและการแปรรูปข้าวเปลือกเป็นข้าวสารในกลไกตลาดก็ได้มีการเตรียมวงเงินไว้พร้อมแล้ว จำนวน 20,000 ล้านบาท
โดยวันพรุ่งนี้ (2ต.ค.57) กรมส่งเสริมสหกรณ์และ ธ.ก.ส. จะเชิญประธานและผู้จัดการสหกรณ์ทั่วประเทศ รวมทั้งสหกรณ์จังหวัดร่วมเปิดตัวโครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กับระบบสหกรณ์ให้มีความพร้อมในการดำเนินโครงการเพื่อที่จะดูแลข้าวที่จะออกใหม่ในฤดูกาลผลิตปี 2557-2558 นี้
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th