ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว

ข่าวทั่วไป Monday October 6, 2014 17:14 —สำนักโฆษก

วันนี้ (6ต.ค.57) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ครั้งที่ 1/2557 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลการประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ซึ่งเป็นการจัดตั้งมาตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศแล้ว และได้มีการแก้ปัญหาดังกล่าวมาโดยลำดับ ทั้งในระยะเร่งด่วน 4 เดือนแรก ในการเรื่องการจ่ายเงินค่ารับจำนำข้าวให้กับเกษตรกรชาวนา ระยะที่ 2 คือ ช่วงที่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศต่อจาก คสช. ในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นการดำเนินการตามมาตรการระยะยาวที่แต่เดิมก็ได้มีการดำเนินการควบคู่กันกับระระยะเร่งด่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวเกิดความยั่งยืนต่อไป

ส่วนสถานการณ์ข้าวไทยในตลาดโลกนั้น ขณะนี้ความต้องการข้าวในตลาดโลกยังมีอยู่ในระดับสูง แต่ประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องการขายข้าวแล้วส่งออกไม่ได้ เพราะมีเรื่องของการสู้รบ และโรคระบาดจากเชื้อไวรัสอีโบล่า จึงทำให้การส่งออกข้าวไปยังกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันตก ยุโรป ฯลฯ มีปัญหา อย่างไรก็ตามแม้ประเทศไทยสามารถขายข้าวได้ในปริมาณมากเป็นลำดับที่ 1 ของอาเซียน แต่ราคาข้าวในตลาดโลกยังไม่สูงมากนัก เพราะมีการปลูกข้าวจำนวนมากและมีการแข่งขันด้านราคากันสูงขึ้น ซึ่งจะทำอย่างไรให้ราคาข้าวสูงขึ้นได้อีกในอนาคต และให้เกิดความยั่งยืนทั้งระบบ ทั้งเรื่องการปลูกข้าว การปรับปรุงพันธุ์ข้าว การกำหนดพื้นที่ในการปลูกข้าว ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวนาไทยให้ดีขึ้น รวมทั้งต้องมีการจัดกลุ่มเกษตรกรชาวนาให้มีความชัดเจน โดยกลุ่มแรกคือ ชาวนาซึ่งมีที่ดินทำกินน้อย รายได้น้อยและยากจนมาก กลุ่มที่ 2 คือ ชาวนาที่ดินทำกิน เกิน 40 ไร่ ขึ้นไป กลุ่มที่ 3 คือ ชาวนาที่มีเงินทุนสูง มีการเพาะปลูกสมัยใหม่ โดยมีการนำเครื่องจักรและเครื่องมือต่าง ๆ เข้ามาช่วยสนับสนุนการผลิตและเพาะปลูกด้วย รวมทั้งในกลุ่มกรณีที่เป็นเจ้าของที่ดินหรือที่นาแล้วให้ผู้อื่นเช่า เป็นต้น ทั้งนี้ การจัดกลุ่มชาวนาดังกล่าวจะทำให้การช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาได้ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง

สำหรับการประชุมหารือร่วมกันในวันนี้ ได้มีการพิจารณาในเรื่องเร่งด่วนก่อน โดยเป็นการพิจารณาดูแลทั้งระบบตั้งแต่มาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งวันนี้ยังมีปัญหาเกษตรกรชาวนาในบางพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับเงินค่ารับจำนำข้าวอยู่ โดยที่ประชุมฯ ได้หารือและพิจารณาที่จะให้ความช่วยเหลือต่อไป

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากนี้ไปจะมีการเชื่อมโยงและบูรณาการการทำงานระหว่าง ศูนย์ดำรงธรรม ของกระทรวงมหาดไทย และศูนย์เกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร เช่น การให้ความรู้ในการกำหนดพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสมกับในแต่ละพื้นที่ การสร้างแรงจูงใจ การสนับสนุนการปลูกพืชทดแทนให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำ การลดต้นทุนการผลิต ฯลฯ นอกจากนี้ในระยะยาวจะต้องมีการสนับสนุนและสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ขึ้นมาให้ได้ โดยมอบหมายให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องหาทุนสนับสนุนการศึกษาให้กับลูกเกษตรกรชาวนา เพื่อให้ศึกษาเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น เกี่ยวกับกระบวนการผลิตข้าวทั้งระบบอย่างครบวงจร ตั้งแต่การปลูกข้าว การปรับปรุงพันธุ์ และการใช้เทคนิคต่าง ๆ เป็นต้น

ขณะที่ การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (zonnig) นั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อบูรณาการการทำงานในเรื่องดังกล่าว โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหมาดไทย เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ฯลฯ เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้การบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม จะเป็นการเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำและสภาพพื้นที่ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมีราคาที่สูงขึ้น รวมทั้งขอให้มีการประชาสัมพันธ์สนับสนุนให้ประชาชนทั่วโลกหันมาบริโภคข้าวให้มากขึ้น โดยเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการบริโภคข้าวซึ่งจะส่งผลดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอย่างไร ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถจำหน่ายข้าวได้ในราคาที่ดีและปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสำรวจและจดทะเบียนเกษตรกรชาวนา ชาวไร่ ให้เกิดความชัดเจน เพื่อจะได้ผลิตข้าวและจำหน่ายให้ตรงกับความต้องการของตลาด รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม พิจารณาดูแลในเรื่องการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมให้เหมาะสมกับพื้นที่โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมทั้งระบบเพื่อยกระดับคุณภาพเกษตรกรชาวนาแล้ว ยังต้องการให้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และนิเวศ เช่น การท่องเที่ยวแบบ homestay ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนในท้องถิ่นและทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน โดยมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไป รวมทั้งจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยและไม่มีที่ดินทำกินด้วย โดยนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานด้วยตนเอง และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพหลัก

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ