พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวในโอกาสการประชุมตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่ผู้บริหารและข้าราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ว่า การมองประเด็นปัญหาต้องไม่มองเฉพาะมิติของกระทรวงหรือกรมเท่านั้น หากทว่าต้องมองในมิติประเทศไทยด้วย ดังนั้นการทำงานซึ่งต้องมีความรอบคอบ รักษาภาพลักษณ์ขององค์กร ขณะเดียวกันต้องพิจารณาในเงื่อนไขต่างๆ ต้องไม่กระทบกับความเป็นมาตรฐานสากล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเรามีแรงงานต่างด้าวที่ดูแลอยู่ทั้งในระบบและนอกระบบ ทั้งที่ผิดกฎหมายและถูกกฎหมาย ดังนั้นต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ จัดวางระบบฐานข้อมูลและสำรวจข้อมูลให้ชัดเจน ซึ่งจะสะท้อนถึง Demand ว่ามีคนไทยทำงานอยู่เท่าไหร่ หากคนไทยไม่ทำ ต้องนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาเท่าไหร่ ส่วนการทำงานของระบบแรงงานสัมพันธ์ ต้องเป็นไตรภาคี เราต้องอยู่ตรงกลาง ขณะที่การปรับปรุงกฎหมายทั้ง ร่าง พ.ร.บ. และร่างกฎกระทรวงนั้น ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาและเรียนนายกรัฐมนตรีทราบเพื่อขอความเห็นชอบก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา อย่างไรก็ตามประเด็นการจัดตั้งสถาบันความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นองค์การมหาชนนั้นต้องพิจารณาถึงข้อดี ข้อเสียในการจัดตั้งว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
“การโยกย้ายมีความสำคัญต่อข้าราชการเพราะคืออนาคต ผู้บริหารที่เข้าสู่ตำแหน่งแล้วต้องใช้อำนาจตรงนี้ให้เป็นธรรม เหมาะสม การที่จะให้สังคมเราดีหรือให้คนยอมรับกระทรวงแรงงาน ปัจจัยสำคัญมี 2 ประการ คือ ปัจจัยภายในองค์กร ทุกคนเชื่อมั่นในองค์กรของเราว่าเป็นองค์กรที่ดี ทุกคนอยู่มีความสุข ได้รับความเป็นธรรม มีความเอื้ออาทรต่อกัน และปัจจัยภายนอกเป็นที่ยอมรับว่าเป็นหน่วยงานที่ช่วยเหลือคน ซึ่งเนื้องานที่ทำอยู่ก็เป็นประโยชน์ต่อประชาชน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
กลุ่มงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
ที่มา: http://www.thaigov.go.th