พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้ต้องการมาพูดคุยกันกับผู้ปฏิบัติงานจริง เพื่อให้บุคลากรของกระทรวงมหาดไทยได้รับทราบถึงสถานการณ์ของสังคมโลกที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย ซึ่งประเทศกำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แม้ว่าประเทศไทยจะทรัพยากรมากมายแต่เรามีปัญหาเรื่อง “คน” ต้องเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ เราต้องมีความเข้มแข็ง เราต้องไม่ขัดแย้ง เน้นย้ำถึงบทบาทของนักปกครองที่แท้จริง คือ “เป็นผู้รับใช้ประชาชน” ต้องช่วยกันว่าทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ต่อไปจะมีการกลไกในการประเมินเพื่อที่จะทราบปัญหาการทำงาน หากมีเรื่องใดติดขัดจะได้เข้าไปช่วยกันแก้ไข สำหรับเรื่องสำคัญที่จะเน้นเป็นพิเศษ มีดังนี้
1. การเทิดทูนและธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ ตนได้มีโอกาสถวายงานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เห็นถึงน้ำพระทัยบริสุทธิ์ที่พระองค์ทรงดูแลคนไทย พระองค์ทรงอยากเห็นคนไทยเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่ได้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทตลอดมา สังคมไทยมีสถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันสำคัญของคนในชาติ เป็นที่ยึดมั่นเป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติ การขยายผลโครงการตามพระราชดำริให้นักปกครองน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และยุทธศาสตร์พระราชทานไปขยายผลให้บังเกิดเป็นรูปธรรมถึงประชาชน เชื่อว่าหากน้อมนำมาสู่การปฏิบัติสังคมไทยจะอยู่ได้ขอให้ทุกคนได้ทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี นอกจากนนี้ หากพบการบิดเบือน ใส่ร้าย ขอให้ช่วยกันเฝ้าระวัง ตรวจสอบ ติดตาม และดำเนินการกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับสถาบันของชาติอย่างจริงจังต่อเนื่อง และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน
2. เรื่องการบริการประชาชน ตามคำขวัญ “บริการด้วยใจ คนไทยยิ้มได้” ชื่นชมการทำงานของศูนย์ดำรงธรรม ที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน การทำงานต้องทำให้ประชาชนรู้สึกว่าถ้าเดือดร้อนต้องมาหาเรา ที่สำคัญคือต้องรู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรม
3. การสร้างความสามัคคีปรองดองสมานฉันท์ ประเทศไทยของเราไม่เคยมีการแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา เรามีปัญหากันเพียงแค่แนวคิดของคนที่เห็นต่าง บุคลากรกระทรวงมหาดไทยทุกระดับต้องช่วยกันดูแลไม่ให้ประชาชนเกิดความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสี ต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เราเห็นต่างได้ แต่ต้องอยู่ร่วมกันได้ ต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย คือพวกเราทุกคนบุคลากรของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าฯ นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มีหน้าที่สร้างความปรองดอง ที่สำคัญคือไม่มีผลประโยชน์ส่วนบุคคลหรือกลุ่มคน ต้องทำงานด้วยความบริสุทธิ์ ขอให้นักปครองทำหน้าที่สร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างความสามัคคีของคนในชาติ หากปล่อยเกิดความแตกแยกร้าวฉานจะไม่สามารถย้อนกลับไปเหมือนเดิมได้อีก ขอให้คิดถึงประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก
4. การสร้างความสงบเรียบร้อย ขอฝากให้กำนันผู้ใหญ่บ้านช่วยดูแลในพื้นที่ทำอย่างไรให้มีความปลอดภัย การแก้ปัญหาอบายมุข การแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งการปราบปราม บำบัด การป้องกัน ในพื้นที่เจ้าหน้าที่ต้องรู้ปัญหา ต้องช่วยกันขอให้เน้นการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ครอบครัว โรงเรียน ชุมชนต้องดูแลอย่างให้เด็กและเยาวชนไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด สำหรับพื้นที่ชายแดนต้องป้องกันการนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย การค้ามนุษย์ นายกรัฐมนตรีฝากเน้นย้ำเป็นพิเศษ ขณะนี้ประเทศไทยถูกจัดเป็นอันดับ 3 ในเรื่องของการค้ามนุษย์ ส่งผลกระทบต่อความช่วยเหลือจากกองทุนต่างๆ ในต่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจตามมาขอให้ดูแลอย่าให้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง
5. เรื่องภัยธรรมชาติ ขณะนี้ประเทศไทยต้องประสบกับภัยธรรมชาติทั้งภัยแล้ง ภัยหนาว และน้ำท่วม ภาคเหนือหลายจังหวัดเริ่มหนาวขอให้ผู้ว่าฯ เตรียมพร้อมรับมือภัยหนาว เรื่องภัยแล้งซึ่งคาดว่าจะหนักกว่าปีก่อนๆ ต้องขอความร่วมมือเกษตรกรงดหรือลดการปลูกพืชในเขตชลประทาน โดยเฉพาะการทำนาปรัง ช่วยกันประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกรด้วย และอีกเรื่องสำคัญคือการรักษาป่าชายเลน นายกรัฐมนตรีฝากมาว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยต่อปัญหาป่าชายเลน ในจังหวัดที่มีพื้นทีป่าชายเลนขอให้ผู้ว่าฯ ร่วมกับองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ช่วยกันรักษาป่าชายเลนเพื่อสภาพของระบบนิเวศ เพื่อให้ประเทศเรามีระบบนิเวศที่หลากหลาย
6. เรื่องเศรษฐกิจฐานรากเน้นการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ โดยบทบาทของกระทรวงมหาดไทย ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) การส่งเสริมการออม และดูแลการเข้าถึงเงินกองทุนต่างๆ ให้เป็นตามเป้าหมายของกองทุนเพื่อให้พี่น้องในชนบทเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ไม่อยากให้ประชาชนไปเป็นหนี้นอกระบบ เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก รัฐบาลได้กำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นหลายประการออกมา ซึ่งครอบคลุมทั้งการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนทั้งในปีงบประมาณ 2557 และ 2558 จำนวนมากให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อกระจายเม็ดเงินสู่ท้องถิ่น ขอให้มีการดำเนินการในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส สำหรับเงินช่วยเหลือชาวนาขอฝากเป็นพิเศษให้ช่วยกันสำรวจข้อมูล ต้องทำให้เม็ดเงินที่ช่วยเหลือถึงมือชาวนาจริงๆ อนาคตจะมีการกำหนดพื้นที่โซนนิ่งเกษตร ไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนป้องกันผลผลิตล้นตลาด โดยเฉพาะการปลูกข้าวต้องดูแลทั้งในเรื่องคุณภาพและราคา
สำหรับกรณีที่ว่ามีผู้ไม่หวังดีสร้างกระแสข่าวการยุบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขอให้ทุกท่านอย่าหลงเชื่อขอให้ทำงานให้ดีถ้าทำดีแล้วใครจะยุบไม่ได้ ประชาชนจะปกป้องท่านเอง รัฐบาลจะสนับสนุนการทำงานของท้องถิ่นในการดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่
7. การเตรียมความพร้อมสำหรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน เต็มรูปแบบต้องเตรียมทั้งในเรื่องคนพื้นที่ ระบบงาน ระเบียบกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดที่เป็นประตูสู่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ขอให้เตรียมความพร้อมที่จะรองรับผลกระทบในด้านต่างๆ จากการเข้าสู่ AEC ให้พร้อมทุกด้าน
8. เรื่องการจัดการขยะ ประเทศของเรามีปัญหาใหญ่ 2 เรื่อง คือ ปัญหาขยะ และ ผักตบชวา โดยในส่วนของปัญหาขยะ ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการนำร่องในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจะได้นำไปขยายผลและรณรงค์ในเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยเน้นย้ำขอให้ทุกหน่วยร่วมกันดูแลในเรื่องการทิ้งขยะของคนในพื้นที่ สำหรับการจัดเก็บเป็นความรับผิดชอบของ อปท. ปัญหาผักตบชวา เป็นสิ่งที่ยังแก้ไขไม่ได้อย่างยั่งยืน ปัจจุบันมีผักตบชวา เป็นจำนวนมากในแม่น้ำ ลำคลอง ส่งผลกระทบในหลายเรื่อง และวิธีการที่จะทำให้ผักตบชวาในแม่น้ำลำคลองลดปริมาณลง เก็บขึ้นมาทำปุ๋ย อาหารสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ฝากผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยกันรณรงค์ร่วมมือร่วมใจ หวังว่าในปีใหม่นี้ประเทศไทยจะไม่มีขยะตามท้องถนน และในแม่น้ำลำคลองจะปลอดผักตบชวา เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนในชาติของเรา
ที่มา: http://www.thaigov.go.th