รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลังในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและผู้ว่าการของ
ธนาคารโลกได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ
ธนาคารโลกและ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และใช้โอกาสนี้เข้าหารือทวิภาคีกับผู้บริหารระดับสูงของ
ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศชั้นนำต่างๆ อาทิ Standard Chartered Bank Barclays Bank และ HSBC รวมทั้งสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างๆ อาทิ Fitch Moody’s และ S&Pนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก
กระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยว่า
รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลังในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและผู้ว่าการของ
ธนาคารโลกได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ
ธนาคารโลกและ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และใช้โอกาสนี้เข้าหารือทวิภาคีกับผู้บริหารระดับสูงของ
ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศชั้นนำต่างๆ อาทิ Standard Chartered Bank Barclays Bank และ HSBC รวมทั้งสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างๆ อาทิ Fitch Moody’s และ S&Pสำหรับการประชุมร่วมของผู้ว่าการของประเทศสมาชิกกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ
ธนาคารโลกและ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2557 เพื่อรับฟังรายงานเกี่ยวกับพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกและภูมิภาค ผลการดำเนินงานของกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ
ธนาคารโลกและ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยมีประเด็นที่ได้หารือ ได้แก่ การปรับบทบาทของ
ธนาคารโลก โดยกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจนและเหมาะสมในการช่วยเหลือประเทศสมาชิก การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากทั่วโลก โดยใช้ความเชี่ยวชาญและความรู้ของ
ธนาคารโลกให้สอดรับกับความต้องการของประเทศสมาชิก (Global Practice) เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ 2 ประการ (Twin Goals) ของ
ธนาคารโลกในการขจัดความยากจนและสร้างความมั่งคั่งร่วมกัน และบทบาทของ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศเกี่ยวกับการทำหน้าที่สอดส่องดูแลเศรษฐกิจ (Surveillance) ซึ่งพบว่า เศรษฐกิจโลกมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังประสบปัจจัยความเสี่ยงระดับภูมิภาคและระดับประเทศ รวมถึง ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการไหลออกของเงินทุนจากประเทศที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เปราะบาง ทั้งนี้
กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้เสนอแนวนโยบายที่จะรับมือกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อาทิ นโยบายการคลังที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และนโยบายสถาบันการเงินที่กำกับดูแลการให้สินเชื่อและจัดการเงินทุนในรูปแบบต่างๆ ให้มีความมั่นคง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้หารือทวิภาคีกับสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทั้ง 3 แห่ง โดยได้ชี้แจงถึงนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นผ่านการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และนโยบายในการเตรียมวางรากฐานให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ยั่งยืนในระยะยาว เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูปภาษีให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจให้มีความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาว
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวได้ยืนยันว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจไทยจะเผชิญความเสี่ยงหลายด้าน แต่เศรษฐกิจไทยยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง และฐานะการคลังของไทยที่เข้มแข็ง
สำนักนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 02 273 9020 ต่อ 3607
ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th