วันนี้ (13 ต.ค.57) เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมเทเวศร์ อาคาร 4 ชั้น 2 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถนนนครราชสีมา กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมเรื่องยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง คณะผู้บริหารจากมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และมูลนิธิรากแก้ว รวมทั้งสิ้นประมาณ 30 คน
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ผลการประชุมสรุปความว่า วันนี้ หม่อมหลวงดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ และประธานมูลนิธิรากแก้ว ได้เชิญรัฐบาลมาหารือร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรให้ประเทศชาติเดินหน้าได้ต่อไป ทั้งนี้ การขับเคลื่อนด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ได้แก่ ความเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาตามแนวพระราชดำริและนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเน้นความพอดี พอสมควรแก่ฐานะ ความมีเหตุมีผล และความพอประมาณ ตลอดจนการมีภูมิคุ้มกันบนพื้นฐานของความรู้คู่คุณธรรม เพราะทุกคนทราบกันดีว่า ยังมีประชาชนที่มีรายได้น้อยและมีความเดือดร้อนจำนวนมาก อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับต่ำถึงระดับกลาง ดังนั้น จึงเห็นควรนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็น Road Map โดยยึดหลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไขดังกล่าว และทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ควรมาร่วมมือกัน และให้นำความขัดแย้งเก็บไว้ก่อน แล้วร่วมกันเดินไปข้างหน้าโดยลดการสร้างปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ภายในประเทศเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุข
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกว่า ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมศกนี้ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีได้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ มาตามลำดับ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืน ทั้งเกษตรกร ชาวนา และชาวไร่ ทุกกลุ่มทุกฝ่ายต้องเฉลี่ยแบ่งปันช่วยเหลือซึ่งและกันกัน โดยนำภูมิคุ้มกันด้วยการมีสติตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปฏิบัติในการดำรงชีวิตประจำวัน พร้อมมีความรู้และคุณธรรม หลังจากนั้นทุกกลุ่มทุกฝ่ายต้องร่วมกันก้าวเดินอย่างพร้อมเพรียงและมั่นคงเพื่อพัฒนาประเทศให้ประชาชนอยู่ดีกินดีอย่างทั่วถึง
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในตอนท้ายว่า นายกรัฐมนตรีมีความกังวลต่อปัญหาเรื่องภัยแล้ง ซึ่งไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้นที่ประสบปัญหานี้ แต่ทั่วโลกทั้งสหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีนต่างก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน ดังนั้น คนไทยทุกคนควรช่วยเหลือและร่วมมือกัน และวันนี้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงด้านเศรษฐกิจ และเหล่าทัพต่างก็ร่วมกันมาปรึกษาหารือกันกับมูลนิธิฯ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างยั่งยืนต่อไป
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
พัณณ์วรินทร์ อินโท่โล่ รายงาน
ดวงใจ กล่อมจิตต์ ตรวจ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th