วันนี้ (14 ต.ค.57) เวลา 14.50 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณรัฐมนตรีทุกกระทรวง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ได้แสดงออกถึงความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งได้กำชับเกี่ยวกับแนวทางตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย รวมถึงการขับเคลื่อนและการปฏิบัติ จะต้องมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม โดยในแต่ละส่วนทั้งระดับนโยบาย การขับเคลื่อน และการปฏิบัติ จะต้องมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้การทำงานมีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ทุกกระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจนถึงแนวทางการปฏิบัติงานของแต่ละกระทรวง และหน่วยงาน เพื่อประชาชนจะได้รับทราบว่าขณะนี้แต่ละหน่วยงานกำลังดำเนินการเรื่องใด และประชาชนจะได้รับประโยชน์อะไรจากสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการ เพื่อป้องกันปัญหาการเรียกร้องที่ไม่สิ้นสุด ขณะเดียวกันจะต้องให้ประชาชนรับทราบด้วยว่าจะช่วยเหลือร่วมมือกันอย่างไร และเสียสละอะไรบ้าง เพื่อให้กระบวนการขับเคลื่อนประเทศสามารถเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ทุกกระทรวง ทบวง กรมติดตามสถานการณ์ของสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูเรื่องข้อกฎหมายของเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 1) สื่อโชเซียลมีเดีย ซึ่งปัจจุบันมีการใช้สื่อดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งประโยชน์และโทษมากพอสมควรหากไม่มีการดูแลให้ดีและเป็นไปอย่างเหมาะสม จึงมอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หารือร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการดูแลผู้ที่ใช้สื่อโชเชียลมีเดียอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องสร้างความเข้าใจโดยไม่ละเมิดสิทธิซึ่งกันและกัน
2) การอ้างแหล่งข่าว ซึ่งที่ผ่านมีการอ้างแหล่งข่าวไม่สามารถตรวจสอบและยืนยันได้ชัดเจน จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปกำหนดแนวทางที่ชัดเจน โดยไม่เป็นการควบคุมแต่เป็นการดูแลซึ่งกันและกันให้ไม่เกิดผลกระทบทางด้านความมั่นคง ขณะเดียวกันก็ให้มีความเข้าใจและไม่ละเมิดซึ่งกันและกัน รวมทั้งต้องประสานข้อมูลระหว่างกันอย่างใกล้ชิด เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป
3) ในแต่ละกระทรวง หากมีการปรับรายละเอียดของโครงสร้าง ซึ่งมีผลเกี่ยวพันกับบุคคล โครงสร้างของการจัดอัตรากำลังและงบประมาณ รัฐมนตรีจะต้องชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้รับทราบด้วย เพื่อให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้ทราบว่าถึงปัญหากรณีที่มีปรับเปลี่ยนดังกล่าว และปรับแล้วสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ตลอดจนมีแนวทางอย่างไร เป็นต้น เพราะการดำเนินการทั้งหมดมีส่วนผูกพันกับงบประมาณและส่งผลต่อผลสัมทฤธิ์ของงาน
4) แผนการปฏิบัติงานในลักษณะของการนำนโยบายของรัฐไปขับเคลื่อนในระดับกระทรวง นั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่เกิดเป็นรูปธรรมและสร้างความเข้าใจกับประชาชนได้ จึงมอบหมายทุกกระทรวงให้นำแผนปฏิบัติไปพิจารณาทบทวนใหม่อีกครั้งและนำเสนอภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้สังคมได้รับทราบว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการในเรื่องใดบ้าง เพื่อสามารถตอบปัญหากับประชาชนได้อย่างชัดเจน
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th