นายกรัฐมนตรีมั่นใจปัญหาภาคใต้ไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนของกลุ่มอาเซม
วันนี้ (15 ตุลาคม 2557) เวลา 09.10 น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำอาเซียน - ยุโรป ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 15-18 ตุลาคม ที่กรุงมิลาน ประเทศอิตาลีว่า ช่วงที่นายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ ได้ขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้ดี ทำให้เกิดสงบเรียบร้อย อย่าขยายผลความขัดแย้งกันมากเกินไป ไม่ได้หมายความว่าต้องการให้ทุกคนคิดเหมือนกัน รัฐบาลและทุกคนต้องช่วยกันคิด แต่การเดินหน้าประเทศมีหลายกลุ่ม โดยมีรัฐบาลบริหารประเทศ ต้องเดินหน้าและแก้ปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน รัฐบาลทุกรัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหา แต่แก้ไม่ได้ ตอนนี้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขโดยใช้อำนาจพิเศษบ้างอะไรบ้าง แต่การแก้ปัญหาเป็นไปในทางสร้างสรรค์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศได้พยายามแก้ไขปัญหาทุกอย่าง โดยยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศ และสัญญาว่าจะทำให้ประเทศกลับมาเป็นสยามเมืองยิ้มอีกครั้ง ซึ่งวันนี้สถานการณ์บ้านเมืองเริ่มดีขึ้น ยอมรับว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ทุกอย่าง ขณะนี้ก็พยายามแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อยด้วยการสร้างอาชีพให้กับคนยากจน แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม และภาษีต่าง ๆ โดยเฉพาะเกษตรกรชาวนาที่ปลูกข้าวนาปรังในปีนี้ เพราะปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ทำงานตามแผน Road Map ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปฏิรูปเพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญและนำไปสู่การเลือกตั้ง ส่วนที่หลายกลุ่มกังวลว่าอาจไม่ทันตามกรอบเวลานั้น ก็ขอให้ทุกฝ่ายได้ช่วยกัน เบื้องต้น ยังเป็นไปตาม Road Map เดิมอยู่
ส่วนเรื่องการค้าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า วันนี้การค้าการลงทุนต่าง ๆ ยังคงดำเนินไปตามปกติ แต่การลงทุนขนาดใหญ่ยังไม่เกิดขึ้น เพราะมีปัญหาด้านความมั่นคงซึ่งต้องสร้างความปลอดภัยให้กับผู้มาลงทุน ขณะนี้มีการส่งเสริมการค้าการลงทุนของ BOI มากขึ้น มีการแก้ไขกฎ กติกาต่าง ๆ เพิ่มระยะเวลาในการให้การสนับสนุน พร้อมทั้ง มีกองทุนต่าง ๆ ที่จะเร่งดำเนินการในปี 2557 โดยเฉพาะการแปรรูปยางพาราให้มีราคาสูงขึ้น เพื่อลดปัญหาการขนส่งที่เข้ามาในส่วนกลางและส่งออก ปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่ราคาผลิตผลจากวัตถุดิบที่นำมาแปรรูปเป็นยางแผ่น ซึ่งมีการขนส่งและนำไปขายในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมมูลค่ายางดิบ โดยจะมีการเจรจากับบริษัทผลิตยางรถยนต์ในประเทศ รวมถึงกองทัพบกที่จะนำยางพารามาใช้ให้มากขึ้น โดยจะเริ่มนำผลผลิตภายในประเทศให้เกิดประโยชน์ก่อนที่จะส่งออกไปต่างประเทศ และต้องพัฒนาเศรษฐกิจในเชิงรุก เพราะมีการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้น จึงต้องมีการปรับปรุงคุณภาพและสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับกลุ่มอาเซมที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th