รมต.นร.ม.ล.ปนัดดาฯ เน้นนโยบายการให้ความรู้ด้านสิทธิการคุ้มครองผู้บริโภคแก่ประชาชนในภูมิภาคอย่างทั่วถึงมากขึ้น

วันนี้ (17 ต.ค. 57) เวลา 14.00 น. ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี ชั้น 5 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ภายในบริเวณอาคารรัฐประศาสนภักดี

เมื่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางมาถึง นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ให้การต้อนรับและนำรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าสู่ห้องประชุม

ในโอกาสนี้ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้กล่าวรายงานถึงบทบาทและหน้าที่ของ สคบ. โดยสรุปคือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีวิสัยทัศน์ในฐานะเป็นองค์กรกลางการคุ้มครองผู้บริโภคของชาติในระดับสากล โดยมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายว่าด้วยการขายตรงและตลาดแบบตรงและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและมาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภคต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนเป็นศูนย์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคอีกด้วย

ในปีงบประมาณ 2557 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้จัดให้มีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์สำหรับให้ผู้บริการประชาชน ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าหรือบริการ โดยผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งทางไปรษณีย์ ทางเว็บไซต์ของสำนักงานฯ www.ocpu.go.th นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถขอรับแบบฟอร์มร้องเรียนได้ที่ร้านสะดวกซื้อ Seven – Eleven ห้างสรรพสินค้า Lotus ห้างสรรพสสินค้า Big - C ห้างสรรพสินค้า Fashion Island และร้านสะดวกซื้อ Jiffy ที่เปิดในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. อีกด้วย ทั้งนี้มีประชาชนมาใช้บริการในช่วงปีงบประมาณ 2557 รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,909 ราย ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนของประชาชนได้แล้ว จำนวน 942 ราย คิดเป็นมูลค่าเงินจำนวนกว่า 42 ล้านบาท

นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ยังได้ดำเนินการติดตามตรวจสอบพฤติการณ์ของผู้ประกอบการด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการโฆษณา การสั่งสินค้านำเข้าหรือการจำหน่ายสินค้าและบริหาร ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัญญาและหลักฐานการรับเงิน รวมทั้งธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงจำนวนกว่า 33,000 ราย และประการสำคัญ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคยังได้ให้บริการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ทันสถานการณ์ปัจจุบันผ่านสื่อต่าง ๆ จำนวนกว่า 57,734 ครั้งอีกด้วย

หลังจากนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายแก่สำนักงานคณะกรรมคุ้มครองผู้บริโภคสรุปความว่า จากรายงานของเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคทำให้ได้รับทราบว่า สำนักงานฯ ได้ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม นับได้ว่าสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นหน่วยงานที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจการค้าในสภาวการณ์ปัจจุบัน เพื่อผดุงความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายสำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสู่องค์กรที่เป็นเลิศในการให้บริการแก่ประชาชนที่มีฐานะยากจน ซึ่งอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ และยังไม่ทราบสิทธิของตนเองว่ามีกฎหมายด้านคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมเพิ่มศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนภูมิภาคมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานอื่นไปดำเนินการแทนว่ามีความคืบหน้าและปรากฎผลเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้มอบหมายภารกิจไปมากน้อยเพียงใด ตลอดจนมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่บุคลากรภายในสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคควรร่วมมือร่วมใจและสามัคคีกันเพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

ตอนท้ายของการมอบนโยบายแก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำอีกว่า หากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนในการดำเนินงานขององค์กรอย่างไรบ้าง รัฐบาลยินดีสนับสนุนและสามารถแจ้งให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทราบได้ทันที เพื่อให้การดำเนินงานขององค์กรผดุงรักษาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

อภินันท์ จันทรา /รายงาน

ดวงใจ กล่อมจิตต์ /ตรวจ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th