อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า จากนโยบายดังกล่าว กรมที่ดินมีภารกิจตามประมวลกฎหมายที่ดินในการจัดที่ดินให้แก่ประชาชนที่ยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง หรือมีแต่ไม่เพียงพอต่อการประกอบอาชีพ จึงได้จัดที่ดินทำกินเพื่อประชาชนตามโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงและโครงการหมู่บ้านป้องกันตนเองชายแดน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาด้านความมั่นคง ปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ชายแดนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เพิ่มผลผลิต รายได้ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามความเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น อีกทั้งยังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนบริเวณชายแดนในการเฝ้าระวังปัญหายาเสพติด และการลักลอบทำสิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงป้องกันการบุกรุกพื้นที่อนุรักษ์และทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่โครงการ ซึ่งโครงการดังกล่าว กรมที่ดินได้ดำเนินการร่วมกับกองทัพบก บูรณาการจัดระเบียบการถือครองที่ดิน ป้องกันการบุกรุกที่ดินของรัฐและพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรที่อาศัยอยู่ตามบริเวณแนวชายแดน โดยได้ดำเนินการรังวัดทำแผนที่การถือครองที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย พร้อมจัดสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็น เช่น การก่อสร้างถนน โดยกรมที่ดินเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2501 สามารถจัดที่ดินได้ทั้งสิ้น 296,757 แปลง
สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ.2558 กรมที่ดินได้กำหนดเป้าหมายในการดำเนินการจัดที่ดินไว้จำนวน 4,500 แปลง เนื้อที่ประมาณ 20,765 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ตามแนวชายแดน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดสระแก้ว
อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดที่ดินทำกินเพื่อประชาชนตามโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงและโครงการหมู่บ้านป้องกันตนเองชายแดน หากดำเนินโครงการสำเร็จจะสามารถสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีความห่วงใยราษฎรในพื้นที่ที่ห่างไกลตามแนวชายแดน ซึ่งผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินจะเกิดแรงจูงใจที่จะพัฒนาและเพิ่มพูนผลผลิตทางการเกษตรเป็นผลให้เกิดการกระจายรายได้ มีมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม อีกทั้งยังสามารถลดปัญหาการบุกรุกและลดการขยายพื้นที่ทำกินในที่ดินเขตสงวนหวงห้าม ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลได้อย่างเป็นรูปธรรม
ที่มา: http://www.thaigov.go.th