วันนี้ เวลา 14.00 น. พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือข้อราชการกับ เชค คอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าเฝ้าฯและถวายการต้อนรับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน พร้อมแสดงความขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีบาห์เรนทรงมีพระราชโทรเลขแสดงความยินดีในโอกาสที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีบาห์เรน ได้แสดงความชื่นชมต่อแนวทางการบริหารประเทศของรัฐบาล ตลอดจนการสนับสนุนการดำเนินการตามทางการเมืองของไทย โดยเห็นว่า ความมีเสถียรภาพเป็นสิ่งสำคัญและเป็นพื้นฐานประการหนึ่งของการพัฒนาประเทศ และบาห์เรนพร้อมที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ
ระหว่างการหารือ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าระหว่างกันให้มากขึ้น โดยบาห์เรนแสดงความพร้อมที่จะซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากประเทศไทย โดยเฉพาะข้าว ซึ่งในปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีบาห์เรนได้ซื้อข้าวจากประเทศไทยจำนวน 100 ตัน ไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชน เนื่องจาก ข้าวของไทยเป็นข้าวที่มีคุณภาพดี นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ยังมีสินค้าไทยอีกหลายประเภทที่มีศักยภาพในบาห์เรน อาทิ อาหารฮาลาล ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นต้น
ด้านการลงทุน นายกรัฐมนตรีบาห์เรนเห็นว่า ควรมีการส่งเสริมการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น เพราการลงทุนจะช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนสองประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งบาห์เรนอยากเห็นการลงทุนในลักษณะการร่วมทุน (Joint Venture) มากขึ้น
นอกจากนี้ ด้านการท่องเที่ยว ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากบาห์เรนให้ความสนใจมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ดี บาห์เรนต้องการที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่า การให้บริการทางการแพทย์ของไทยมีมาตรฐานสูง มีแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีที่ทราบว่ามีชาวบาห์เรนเดินทางมาท่องเที่ยวสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะการเดินทางเพื่อเข้ามารับการรักษาพยาบาล ซึ่งไทยได้อำนวยความสะดวกโดยการขยายระยะเวลาการเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลของชาวบาห์เรนจาก 30 วันเป็น 90 วัน โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นพ้องที่จะฟื้นกลไกลความร่วมมือการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูง (High Joint Commission) ที่มีอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์ เพื่อติดตามประเด็นที่คั่งค้างและความร่วมมือใหม่
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังแสดงความยินดีที่นายกรัฐมนตรีบาห์เรนชื่นชอบประเทศไทยและเสด็จเยือนอย่างสม่ำเสมอ และรัฐบาลไทยพร้อมที่จะถวายการต้อนรับเสมอ ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีบาห์เรนได้เชิญให้นายกรัฐมนตรีไทยเยือนบาห์เรนอย่างเป็นทางการ ในช่วงเวลาที่สะดวก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th