นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการตามนโยบายนั้น ในขณะนี้ ธ.ก.ส.ได้ขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาลทั้งสิ้น 6 มาตรการ ประกอบไปด้วย การลดต้นทุนการผลิตข้าวเปลือก ได้แก่ การลดราคาปุ๋ย สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ รถบริการเกี่ยวข้าวและค่าเช่าที่นา รวม 432 บาทต่อไร่
การลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2557/58 ร้อยละ 3 ต่อปี รายละไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ซึ่งเป็นสินเชื่อที่เข้าไปช่วยเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตออกมาเป็นปริมาณมากและมีราคาตกต่ำ เพื่อให้เกษตรกรมีทางเลือกในการชะลอการขายโดยไม่ต้องพะวงกับปัญหาเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในครัวเรือนและภาระหนี้สิน โดยสามารถนำผลผลิตคือข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวมาขอกู้กับ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 80 ของราคาตลาด ในวงเงินไม่เกินรายละ 300,000 บาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายใน 4 เดือน นับถัดจากเดือนรับเงินกู้ เริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2557 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 เป้าหมายดำเนินการในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหลือ จำนวนข้าวเปลือก 1.5 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อ 17,280 ล้านบาท
โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โดยการรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อการจำหน่าย และการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต ในวงเงิน 20,000 ล้านบาท โครงการประกันภัยข้าวนาปี โครงการประกันภัยข้าวนาปีฤดูกาลผลิต 2557 โดยเกษตรกรจะได้รับเงินชดเชยความเสียหายเมื่อประสบภัยธรรมชาติจากรัฐบาลไร่ละ 1,113 บาท และเงินชดเชยจากการประกันภัยตามโครงการอีกไร่ละ 1,111 บาท รวมเป็นเงินชดเชยไร่ละ 2,224 บาท โดยจ่ายเบี้ยประกันตามลำดับความเสี่ยงของพื้นที่ต่ำสุด 60 บาท/ไร่ สูงสุด100 บาท/ไร่ และรัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันแทนเกษตรกรอีกด้วย นอกจากนี้ ธ.ก.ส.จะร่วมอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้กับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าอีกไร่ละ 10 บาท และล่าสุดมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 15 ไร่ โดยข้อมูลล่าสุดได้มีการจ่ายเงินให้กับชาวนาแล้ว 25 จังหวัด จำนวน 31,380 ราย พื้นที่ 389,972 ไร่ เป็นวงเงินทั้งสิ้น 389.97 ล้านบาท ซึ่ง ธ.ก.ส.ได้เริ่มทยอยจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยมีเกษตรกรมีสิทธิเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 3.49 ล้านครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีจำนวน 63.8 ล้านไร่ รวมวงเงินที่ใช้ในโรงการทั้งสิ้น 40,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรมเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยไร่ละ 1,000 บาท ณ องค์การบริหารส่วนตำบลบางคู้ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรีในวันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2557 ธ.ก.ส.ยังได้จัดกิจกรรมการเสวนาเรื่อง “ลดต้นทุน...การทำนา...ทำจริง...ทำได้” โดยมีเกษตรกรต้นแบบจาก 4 จังหวัด เข้าร่วมเสวนา ประกอบไปด้วย นายเชาว์วัช หนูทอง เกษตรกรจังหวัดลพบุรี ที่ประสบความสำเร็จจากการทำเกษตรอินทรีย์ นายร่ม วรรณประเสริฐ เกษตรกรจังหวัดสระบุรี ที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ปุ๋ยสั่งตัดให้มีประสิทธิภาพ นายเสรีย์ กล่ำน้อย เกษตรกรจังหวัดชัยนาท ที่ใช้พลังงานทดแทนในนาข้าวได้จริง และนายขวัญเรือน ศรีสวัสดิ์ เกษตรกรจังหวัดอ่างทองที่ใช้พันธุ์ข้าวประหยัดประสบความสำเร็จ ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้เกษตรกรทั่วประเทศสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป ซึ่งในส่วนของจังหวัดลพบุรี ได้ดำเนินการจ่ายเงินให้ชาวนาในพื้นที่ไปแล้วจำนวน 974 ราย พื้นที่ 12,687 ไร่ เป็นวงเงินทั้งสิ้น 12,687,000 บาท
สำนักประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร ธ.ก.ส.
โทร 02 558 6100 ต่อ 6733, 6734
ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th