ดร.อัจฉรา วงศ์แสงจันทร์ รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เปิดเผยว่า การนำรังสีมาใช้ประโยชน์จะต้องมีการประเมิน และควบคุมไม่ให้ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนทั่วไปได้รับรังสีเกินขีดจำกัดของการได้รับรังสี ตามที่ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA กำหนดไว้ ซึ่งเดิมขีดจำกัดการได้รับรังสีของเลนส์ตา สำหรับผู้ปฏิบัติงานต้องไม่เกิน ๑๕๐ มิลลิซีเวิร์ตต่อปี โดยล่าสุด IAEA ได้จัดประชุมปรับปรุงในส่วนที่เกี่ยวกับการได้รับรังสี เนื่องจากได้รับข้อมูลจากผลการวิจัยเกี่ยวกับปฏิกิริยาของผลกระทบของรังสีต่อเนื้อเยื่อ และได้มีข้อเสนอให้ลดขีดจำกัดการได้รับรังสี (ปริมาณรังสีสมมูล) สำหรับเลนส์ตา ซึ่งต่อมา IAEA ได้มีข้อสรุปเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔ หลังจากการปรึกษาหารือของประเทศสมาชิก ให้ปรับลดค่าขีดจำกัดการได้รับรังสีที่เลนส์ตา ต้องไม่เกิน ๒๐ มิลลิซีเวิร์ตต่อปี โดยเฉลี่ยในช่วงห้าปีติดต่อกันโดยแต่ละปีต้องไม่ได้รับรังสีเกิน ๕๐ มิลลิซีเวิร์ต และตลอดในช่วงห้าปีติดต่อกันนั้นต้องไม่ได้รับรังสีเกิน ๑๐๐ มิลลิซีเวิร์ต สำหรับการตรวจวัดปริมาณรังสีที่เลนส์ตาได้รับ ทำได้โดยใช้เครื่องวัดรังสีประจำตัวบุคคลสำหรับเลนส์ตา
“อย่างไรก็ตาม พบว่า หลายประเทศได้นำเอามาตรฐานของ IAEA ฉบับแก้ไขดังกล่าวมาใช้ โดยออกเป็นกฎระเบียบของประเทศนั้นๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ซึ่งการจัดทำมาตรฐานยังสามารถทำร่วมกันได้ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยกับผู้ประกอบการ ฉะนั้น กรณีการปรับลดขีดจำกัดนี้ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ อยู่ระหว่างการนำมาพิจารณา ทบทวน กฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ IAEA ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ รวมทั้ง ต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย” ดร.อัจฉรา กล่าว
ที่มา: http://www.thaigov.go.th