วันนี้ (3 พ.ย. 57) เวลา 9.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือกับคณะนักธุรกิจสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐ (US-ASEAN Business Council : USABC) นายอเล็กซานเดอร์ ซี เฟลด์แมน ประธานสภาธุรกิจสหรัฐ ฯ อาเซียน นำผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐ ฯกว่า 34 บริษัท ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล หลังเสร็จสิ้นการหารือ ร้อยเอกยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปการหารือโดยมีรายละเอียดดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบกับคณะนักธุรกิจจาก USABC ในวันนี้ ซึ่งมีคณะนักธุรกิจสหรัฐฯ จาก 34 บริษัทชั้นนำ ซึ่งถือเป็นมิตรสำคัญของไทยและผู้ประกอบการของไทย ทั้งสองประเทศมีการค้าการลงทุนกันมายาวนาน สหรัฐ ฯ เป็นคู่ค้าที่มีมูลค่าการค้ากับไทยเป็นอันดับที่ 3 สำหรับสถานการณ์ภายในประเทศ รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาเพื่อให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าต่อ โดยไทยไม่มีความขัดแย้งกับประชาคมโลก เป้าหมายของรัฐบาลคือ การสร้างความปรองดองสำหรับคนในชาติ สร้างเสถียรภาพของประเทศเพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุน และผลักดันให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ขณะเดียวกันก็เดินหน้าปฏิรูปประเทศใน 11 ด้าน สำคัญ สำหรับด้านเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้าและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ การพัฒนาพลังงานสะอาด พลังงานสีเขียวและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยสนับสนุนใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อลดขั้นตอนที่ซับซ้อน แสวงหาโอกาสและพัฒนาการตลาดใหม่ๆ เพื่อการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรไทย ขณะเดียวกัน รัฐบาลให้ความสำคัญและถือเป็นวาระแห่งชาติ ในการส่งเสริมหลักธรรมาภิบาล การปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นในทุกมติ ความร่วมมือทั้งในระดับภาครัฐแลละองค์กรเอกชน โดยเพื่อให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการและขับเคลื่อนประเทศไปพร้อมกัน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็เร่งรัดพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษใน 5 พื้นที่สำคัญของประเทศ การจัดระเบียบแรงงานให้เป็นไปตามหลักสากลโดยยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงการกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมอาเซม ครั้งที่ 10 ที่ผ่านมาว่า ไทยได้เสนอการพัฒนาความเชื่อมโยงของอาเซียน โดยไทยมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของอาเซียน โดยมีการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษใน 5 พื้นที่สำคัญเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ความเข้มแข็งของอาเซียนเป็นส่วนสำคัญของประชาคมเศรษฐกิจโลกเช่นเดียวกัน
ในโอกาสนี้ ประธาน USABC กล่าวแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีและกล่าวว่าสหรัฐฯ เข้าใจถึงสถานการณ์ของไทยเป็นอย่างดี ยืนยันว่าสหรัฐฯ ยินดีจะลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาการค้าการลงทุน โดยจะขยายการลงทุนร่วมกับ SMEs ของไทย เพื่อถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจการค้าการลงทุนสหรัฐฯ โดยเล็งเห็นว่า ไทยในฐานะศูนย์กลางของการค้าการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ ยังมีศักยภาพในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทยในฐานะศูนย์การการแพทย์และการสาธารณสุข การท่องเที่ยว การบริการ พลังงานและยานยนต์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้แทนภาคเอกชนสหรัฐ ฯ ยังได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบรวมทั้งภาษี การพัฒนาเขตอุตสาหกรรม รวมทั้งการสนับสนุนสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เอื้อต่อการลงทุน เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของไทยและต่างประเทศต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th