ทำเนียบรัฐบาล--1 ก.ค.--บิสนิวส์
เรื่องรัฐบาลเร่งดำเนินการตามมาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
________________________________________________
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2540 ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ
ธนาคารออมสิน ร่วมกันให้สินเชื่อบ้านพัก และที่อยู่อาศัยให้แก่ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ในวงเงิน
20,000 ล้านบาท โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะให้เงินกู้สมทบส่วนหนึ่งในอัตราดอกเบี้ยต่ำในวงเงิน
5,000 ล้านบาท ทั้งนี้สถาบันการเงินจะคิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 9 ต่อไป และมีระยะเวลาใน
การผ่อนชำระ 15 ปี ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ถือปฏิบัติอยู่แล้ว และเมื่อวันที่ 11 และ
18 มีนาคม 2540 มีมติคณะรัฐมนตรีปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้ขยายกำหนดระยะเวลาชำระหนี้จาก 15 ปี เป็น
ไม่เกิน 30 ปี แต่ให้ผู้กู้ผ่อนชำระได้ภายในอายุของผู้กู้ไม่เกิน 70 ปี และในกรณีที่ได้มีการขยายระยะ
เวลากู้เป็นไม่เกิน 30 ปี ของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ยอมรับที่จะผูกพันจัดหาวงเงินสมทบในตลอด
อายุสัญญากู้สิ้นสุดในปี 2570 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.1 ต่อปีนั้น
เนื่องจากมาตรการดังกล่าวมีผู้มาใช้บริการน้อย จึงต้องมีเงื่อนไขที่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยน
แปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประ
ชุมหารือร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน เมื่อวันที่ 26
พฤษภาคม 2540 ได้ข้อสรุปดังนี้
1. ให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้สิทธิกู้เงินเพื่อซื้อบ้านตามมาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหา
ริมทรัพย์ได้เช่นเดียวกับข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานองค์การของรัฐ
2. รายละเอียดและเงื่อนไขนอกเหนือจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 และ 18 มีนาคม
2540 ที่ระบุไว้ในข้อ 1 ให้อำนาจธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ธนาคารออมสิน ดำเนินการให้เป็นไป
ตามวัตถุประสงค์ในการช่วยฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยให้ขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระ
ทรวงการคลัง หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่กำกับดูแล ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ
ธนาคารออมสิน
คณะรัฐมนตรีจึงได้พิจารณาตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และมีมติเห็นชอบข้อเสนอทั้งสองประ
การดังกล่าวข้างต้น ในการประชุมวันที่ 27 พฤษภาคม 2540
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่มีข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาห
กิจกู้เงินตามมาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินการหักบัญชีเงินเดือนหรือค่าจ้างของข้าราชการ
และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อชำระคืนเงินกู้ที่ได้กู้จากธนาคารดังกล่าว
สรุป หลักเกณฑ์และวิธีการให้กู้แก่ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ พนักงานองค์การของรัฐ และประชาชนทั่วไป
โครงการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย 20,000 ล้านบาท (มาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์) (ธอส. - ธ.
ออมสิน)
ระเบียบการและเงื่อนไข
1. ผู้มีสิทธิขอกู้เงินตามโครงการนี้ ได้แก่ ข้าราชการ พนักงานวิสาหกิจ พนักงานองค์การ
ของรัฐ และประชาชนทั่วไป
2. เป็นการขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินพร้อมบ้านหรือห้องชุด หรืออาคารพาณิชย์ ที่สร้างเสร็จและ
พร้อมโอนในปี 2540
3. เป็นบ้านใหม่ที่ยังไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัยมาก่อน (แม้จะมีการโอนเปลี่ยนมือหลายเจ้าของก็ได้)
4. กู้ได้รายละ 1 หลัง และใช้สิทธิได้ครั้งเดียว
5. ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี และอายุของผู้กู้ไม่เกิน 70 ปี ณ วันสิ้นสุดสัญญา
6. วงเงินกู้และอัตราดอกเบี้ย
6.1 วงเงินกู้ไม่เกิน 1.0 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 9% คงที่ตลอดอายุสัญญา
6.2 วงเงินกู้ส่วนที่เกินกว่า 1.0 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 2.0 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อย
ละ 10% คงที่ตลอดอายุสัญญา
6.3 วงเงินกู้ส่วนที่เกินกว่า 2.0 ล้านบาทขึ้นไป ให้คิดอัตราดอกเบี้ยตามระเบียบของธนา
คารอาคารสงเคราะห์หรือธนาคารออมสิน แล้วแต่กรณี
7. เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2540 เป็นต้นไป แต่ลูกค้าที่ยื่นกู้ไว้ก่อนและยังไม่ทำนิติกรรม
หากเข้าเกณฑ์ตามระเบียบนี้ก็สามารถใช้สิทธิตามโครงการนี้ได้
8. ธนาคารจะให้กู้ไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาประเมินหลักประกัน หรือไม่เกินร้อยละ 80
ของราคาซื้อ-ขาย ธนาคารอาจจะให้กู้เกินกว่าร้อยละ 80 ก็ได้ หากเจ้าของโครงการ หรือผู้ขายฝาก
เงินค้ำประกันส่วนที่เกิน
9. ส่วนเงื่อนไขและรายละเอียดอื่น ๆ ให้เป็นไปตามระเบียบของธนาคารอาคารสง
เคราะห์ หรือธนาคารออมสิน แล้วแต่กรณี
เรื่องรัฐบาลดำเนินงานช่วยเหลือผู้สูงอายุ
______________________________
คณะรัฐมนตรีได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือผู้สูงอายุจึงได้มีมติในการประชุมเมื่อวัน
ที่ 21 พฤษภาคม 2540 อนุมัติหลักการดำเนินงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิ
การสังคมเสนอ โดยจัดให้ทำรายละเอียดเป็นแผนงาน/โครงการและมาตรการ และให้ประสานกับหน่วย
งานที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ให้รับข้อสังเกตของกระทรวงต่าง ๆ ไปดำเนินด้วย
เนื่องจากการจัดทำแผนการจัดสวัสดิการและสงเคราะห์ผู้สูงอายุจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้สูงอายุทั่วประ
เทศให้มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจะกระตุ้นให้ประชาชนช่วยกันดูแลผู้สูงอายุมิให้ถูกทอดทิ้งให้เป็น
ปัญหาของสังคมต่อไป
สำหรับแผนการจัดสวัสดิการและสงเคราะห์ผู้สูงอายุ มีนโยบาย/แผนงาน และกิจกรรมที่ดำ
เนินการ ดังนี้
1. ด้านที่อยู่อาศัย
- การขยายหน่วยงานในรูปสถานสงเคราะห์ โดยสนับสนุนให้ภาคเอกชนดำเนินการ
- ขยายบริการในรูปของศูนย์บริการทางสังคมผู้สูงอายุไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
2. ด้านรายได้และการลดหย่อนภาษี
- ขยายการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้ครอบคลุมในเขตเทศบาล สุขาภิบาล อำเภอ
เมือง และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งเพิ่มวงเงินด้วย
- เร่งรัดให้มีการพิจารณาลดหย่อนภาษีแก่ผู้เลี้ยงดูบิดา-มารดา
3. การรวมกลุ่มทางสังคม
ให้หน่วยงานในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สนับสนุนงบประมาณ สถานที่ ตลอดจนวัสดุ อุปกรณ์
ให้แก่ชมรมผู้สูงอายุ
- เร่งรัดให้การเคหะแห่งชาติพิจารณาให้ผู้สูงอายุและชมรมผู้สูงอายุใช้พื้นที่ชั้นล่างของอา
คารแฟลตที่จะจัดสร้างขึ้นใหม่ในการดำเนินกิจกรรม
4. ด้านการรักษาพยาบาล
- ขยายบริการรักษาพยาบาลฟรีในโรงพยาบาล สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย
- ขยายการจัดตั้งคลีนิกเฉพาะผู้สูงอายุ ในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนทั่วทุกจังหวัด
- ส่งเสริมเร่งรัดให้มีการจัดทำเอกสารเผยแพร่การดูแลตนเองของผู้สูงอายุรวมทั้งการให้
ความรู้แก่ครอบครัวผู้ดูแลผู้สูงอายุ
- เร่งรัดให้มีการประกันสังคมในเรื่องการประกันชราภาพ
- ส่งเสริมให้มีการประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน
5. ด้านสาธารณูปโภคสิ่งแวดล้อม และนันทนาการ
- เร่งรัดให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดสรรเงินชดเชยส่วนลดอัตราค่า
โดยสารรถไฟและรถโดยสาร
6. ด้านกฏหมาย
- เร่งรัดให้มีการออกพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้สูงอายุ โดยให้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ
7. ด้านการศึกษาและการเรียนรู้
- จัดบริการการศึกษานอกโรงเรียน และการศึกษาตามความต้องการของผู้สูงอายุ รวมทั้ง
ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของการมีสมาชิกหลายรุ่นอายุอยู่ร่วมกันในลักษณะครอบครัว
โดยใช้สื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ
เรื่องแนวคิดและทิศทางการพัฒนาสตรีตามแผนฯ 8
____________________________________
คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) มีมติเห็นชอบร่างแผนพัฒนา
สตรีในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2540-2544 โดยมีแนวคิดและทิศทางการพัฒนาสตรี ดังต่อไปนี้
- เน้นพัฒนาที่ตัวสตรี ให้สตรีทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ตามศักยภาพทั้งทางร่างกาย
จิตใจและสติปัญญา เพื่อเป็นทั้งคนดี มีศักยภาพ มีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ และให้สตรีทุกคนมีสิทธิและมีโอ
กาสได้รับการพัฒนาความรู้ ความสามารถ มีส่วนร่วมการพัฒนาประเทศทุกขั้นตอนอย่างแท้จริง รวมทั้ง
เน้นการมีส่วนร่วมในระดับตัดสินใจ
- เน้นพัฒนาสภาพแวดล้อมรอบตัวสตรี โดยมุ่งการพัฒนาทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน
ตลอดจนระบบความมั่นคงทางสังคมให้เอื้อต่อการพัฒนาสตรี
โดยกำหนดวิสัยทัศน์ของสตรีที่พึงปรารถนาในอนาคตไว้ ดังนี้
1. สตรีทุกคนได้รับการพัฒนาให้เต็มศักยภาพทั้งทางด้านจิตใจ สติปัญญา ความรู้ ความสา
มารถ เพื่อเป็นคนมีสุขภาพดี มีคุณภาพ ตลอดจนสามารถพึ่งพาตนเองได้และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่
างมีคุณค่าตลอดทุกช่วงวัยของชีวิต
2. สตรีทุกคนได้รับสิทธิและโอกาสในการมีส่วนร่วมในทุกระดับของกลไกการตัดสินใจ อีกทั้ง
ให้ได้รับการคุ้มครองป้องกันการละเมิดสิทธิ และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมชาย รวมทั้งในการ
เป็นบุตร ภรรยา มารดา และสตรีโสด
3. สังคมปราศจากอคติและการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
4. สังคมปราศจากการใช้ความรุนแรงต่อสตรี
แผนดังกล่าวกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรีไว้ 5 ยุทธศาสตร์ คือ
1. ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตสตรี
2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมให้เอื้อต่อการพัฒนาสตรี
3. ยุทธศาสตร์การขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี
4. ยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรีกลุ่มด้อยโอกาส
5. ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาสตรี
เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดกับนักเรียนและรถรับส่งนักเรียน
_____________________________________________
ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 13 พฤษภาคม 2540 คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่สำ
นักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดกับนักเรียนและรถรับส่งนักเรียน
ของกระทรวงศึกษาธิการ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการพิจารณาดำเนินการป้องกัน
และแก้ไขอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นกับนักเรียน และรถรับส่งนักเรียน ดังนี้
- การได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ทุกประเภทจำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมความรู้ความสา
มารถหลายด้าน ตามหลักสูตรอย่างครบถ้วน ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับกฏหมายจราจร การควบคุมยานพาหนะ
มารยาทและวินัยในการใช้รถใช้ถนน ซึ่งต้องใช้เวลาในการฝึกอบรมตามหลักสูตรระยะหนึ่ง การทดสอบ
เพียงข้อเขียนและการสอบขับรถยนต์ น่าจะไม่เพียงพอที่จะได้รับใบอนุญาตขับขี่
- การใช้ยาขณะขับขี่รถยนต์ ทั้งยาที่ใช้เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยปกติ ซึ่งมีผลต่อการสั่งงาน
ของระบบประสาท เช่น ยาไข้หวัด หรือยาบ้า เป็นต้น ควรมีการตั้งจุดสุ่มตรวจหายาดังกล่าวอย่างสม่ำ
เสมอ
- การกำหนดพื้นที่เฉพาะเพื่อการจราจรให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตชุมชน หรือเขต
เมือง เช่น บัสเลนส์ ช่องทางขนส่งมวลชน เขตห้ามเดินรถบรรทุกหรือรถโดยสารรับจ้างไม่ประจำทาง
ช่องทางเดินรถสำหรับรถรับส่งนักเรียนเป็นต้น
- กวดขันตรวจจับการใช้ความเร็ว และการห้ามเดินรถบางประเภท ในเวลาเร่งด่วน
- ควรกำหนดไหล่ทาง หรือจุดจอดรถสำหรับหยุดรถรับส่งผู้โดยสารและนักเรียน แยกจาก
ช่องทางปกติตามทางหลวงแผ่นดิน หรือถนนทั่วประเทศให้ทั่วถึง และมีเครื่องหมายที่เห็นชัดเจน
- มีการควบคุมจำนวนชั่วโมงเวลาในการทำงานของพนักงานขับรถยนต์บรรทุก และรถโดย
สานขนาดใหญ่
- ก่อนเสียภาษีรถยนต์ประจำปี ให้มีการตรวจสภาพรถทุกคันโดยเคร่งครัด ให้รถอยู่ในสภาพ
ไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำสำหรับรถยนต์ที่สามารถใช้ได้โดยปลอดภัย
- ควรมีศาลจราจร พิจารณาคดีกับผู้กระทำความผิดกฏหมายจราจรอย่างจริงจัง--จบ--
เรื่องรัฐบาลเร่งดำเนินการตามมาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
________________________________________________
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2540 ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ
ธนาคารออมสิน ร่วมกันให้สินเชื่อบ้านพัก และที่อยู่อาศัยให้แก่ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ในวงเงิน
20,000 ล้านบาท โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะให้เงินกู้สมทบส่วนหนึ่งในอัตราดอกเบี้ยต่ำในวงเงิน
5,000 ล้านบาท ทั้งนี้สถาบันการเงินจะคิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 9 ต่อไป และมีระยะเวลาใน
การผ่อนชำระ 15 ปี ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ถือปฏิบัติอยู่แล้ว และเมื่อวันที่ 11 และ
18 มีนาคม 2540 มีมติคณะรัฐมนตรีปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้ขยายกำหนดระยะเวลาชำระหนี้จาก 15 ปี เป็น
ไม่เกิน 30 ปี แต่ให้ผู้กู้ผ่อนชำระได้ภายในอายุของผู้กู้ไม่เกิน 70 ปี และในกรณีที่ได้มีการขยายระยะ
เวลากู้เป็นไม่เกิน 30 ปี ของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ยอมรับที่จะผูกพันจัดหาวงเงินสมทบในตลอด
อายุสัญญากู้สิ้นสุดในปี 2570 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.1 ต่อปีนั้น
เนื่องจากมาตรการดังกล่าวมีผู้มาใช้บริการน้อย จึงต้องมีเงื่อนไขที่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยน
แปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประ
ชุมหารือร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารออมสิน เมื่อวันที่ 26
พฤษภาคม 2540 ได้ข้อสรุปดังนี้
1. ให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้สิทธิกู้เงินเพื่อซื้อบ้านตามมาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหา
ริมทรัพย์ได้เช่นเดียวกับข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานองค์การของรัฐ
2. รายละเอียดและเงื่อนไขนอกเหนือจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 และ 18 มีนาคม
2540 ที่ระบุไว้ในข้อ 1 ให้อำนาจธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ธนาคารออมสิน ดำเนินการให้เป็นไป
ตามวัตถุประสงค์ในการช่วยฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยให้ขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระ
ทรวงการคลัง หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่กำกับดูแล ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ
ธนาคารออมสิน
คณะรัฐมนตรีจึงได้พิจารณาตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และมีมติเห็นชอบข้อเสนอทั้งสองประ
การดังกล่าวข้างต้น ในการประชุมวันที่ 27 พฤษภาคม 2540
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่มีข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาห
กิจกู้เงินตามมาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินการหักบัญชีเงินเดือนหรือค่าจ้างของข้าราชการ
และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อชำระคืนเงินกู้ที่ได้กู้จากธนาคารดังกล่าว
สรุป หลักเกณฑ์และวิธีการให้กู้แก่ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ พนักงานองค์การของรัฐ และประชาชนทั่วไป
โครงการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย 20,000 ล้านบาท (มาตรการฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์) (ธอส. - ธ.
ออมสิน)
ระเบียบการและเงื่อนไข
1. ผู้มีสิทธิขอกู้เงินตามโครงการนี้ ได้แก่ ข้าราชการ พนักงานวิสาหกิจ พนักงานองค์การ
ของรัฐ และประชาชนทั่วไป
2. เป็นการขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินพร้อมบ้านหรือห้องชุด หรืออาคารพาณิชย์ ที่สร้างเสร็จและ
พร้อมโอนในปี 2540
3. เป็นบ้านใหม่ที่ยังไม่มีผู้เข้าอยู่อาศัยมาก่อน (แม้จะมีการโอนเปลี่ยนมือหลายเจ้าของก็ได้)
4. กู้ได้รายละ 1 หลัง และใช้สิทธิได้ครั้งเดียว
5. ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี และอายุของผู้กู้ไม่เกิน 70 ปี ณ วันสิ้นสุดสัญญา
6. วงเงินกู้และอัตราดอกเบี้ย
6.1 วงเงินกู้ไม่เกิน 1.0 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 9% คงที่ตลอดอายุสัญญา
6.2 วงเงินกู้ส่วนที่เกินกว่า 1.0 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 2.0 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อย
ละ 10% คงที่ตลอดอายุสัญญา
6.3 วงเงินกู้ส่วนที่เกินกว่า 2.0 ล้านบาทขึ้นไป ให้คิดอัตราดอกเบี้ยตามระเบียบของธนา
คารอาคารสงเคราะห์หรือธนาคารออมสิน แล้วแต่กรณี
7. เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2540 เป็นต้นไป แต่ลูกค้าที่ยื่นกู้ไว้ก่อนและยังไม่ทำนิติกรรม
หากเข้าเกณฑ์ตามระเบียบนี้ก็สามารถใช้สิทธิตามโครงการนี้ได้
8. ธนาคารจะให้กู้ไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาประเมินหลักประกัน หรือไม่เกินร้อยละ 80
ของราคาซื้อ-ขาย ธนาคารอาจจะให้กู้เกินกว่าร้อยละ 80 ก็ได้ หากเจ้าของโครงการ หรือผู้ขายฝาก
เงินค้ำประกันส่วนที่เกิน
9. ส่วนเงื่อนไขและรายละเอียดอื่น ๆ ให้เป็นไปตามระเบียบของธนาคารอาคารสง
เคราะห์ หรือธนาคารออมสิน แล้วแต่กรณี
เรื่องรัฐบาลดำเนินงานช่วยเหลือผู้สูงอายุ
______________________________
คณะรัฐมนตรีได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือผู้สูงอายุจึงได้มีมติในการประชุมเมื่อวัน
ที่ 21 พฤษภาคม 2540 อนุมัติหลักการดำเนินงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิ
การสังคมเสนอ โดยจัดให้ทำรายละเอียดเป็นแผนงาน/โครงการและมาตรการ และให้ประสานกับหน่วย
งานที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ให้รับข้อสังเกตของกระทรวงต่าง ๆ ไปดำเนินด้วย
เนื่องจากการจัดทำแผนการจัดสวัสดิการและสงเคราะห์ผู้สูงอายุจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้สูงอายุทั่วประ
เทศให้มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจะกระตุ้นให้ประชาชนช่วยกันดูแลผู้สูงอายุมิให้ถูกทอดทิ้งให้เป็น
ปัญหาของสังคมต่อไป
สำหรับแผนการจัดสวัสดิการและสงเคราะห์ผู้สูงอายุ มีนโยบาย/แผนงาน และกิจกรรมที่ดำ
เนินการ ดังนี้
1. ด้านที่อยู่อาศัย
- การขยายหน่วยงานในรูปสถานสงเคราะห์ โดยสนับสนุนให้ภาคเอกชนดำเนินการ
- ขยายบริการในรูปของศูนย์บริการทางสังคมผู้สูงอายุไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
2. ด้านรายได้และการลดหย่อนภาษี
- ขยายการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้ครอบคลุมในเขตเทศบาล สุขาภิบาล อำเภอ
เมือง และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งเพิ่มวงเงินด้วย
- เร่งรัดให้มีการพิจารณาลดหย่อนภาษีแก่ผู้เลี้ยงดูบิดา-มารดา
3. การรวมกลุ่มทางสังคม
ให้หน่วยงานในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สนับสนุนงบประมาณ สถานที่ ตลอดจนวัสดุ อุปกรณ์
ให้แก่ชมรมผู้สูงอายุ
- เร่งรัดให้การเคหะแห่งชาติพิจารณาให้ผู้สูงอายุและชมรมผู้สูงอายุใช้พื้นที่ชั้นล่างของอา
คารแฟลตที่จะจัดสร้างขึ้นใหม่ในการดำเนินกิจกรรม
4. ด้านการรักษาพยาบาล
- ขยายบริการรักษาพยาบาลฟรีในโรงพยาบาล สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย
- ขยายการจัดตั้งคลีนิกเฉพาะผู้สูงอายุ ในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนทั่วทุกจังหวัด
- ส่งเสริมเร่งรัดให้มีการจัดทำเอกสารเผยแพร่การดูแลตนเองของผู้สูงอายุรวมทั้งการให้
ความรู้แก่ครอบครัวผู้ดูแลผู้สูงอายุ
- เร่งรัดให้มีการประกันสังคมในเรื่องการประกันชราภาพ
- ส่งเสริมให้มีการประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน
5. ด้านสาธารณูปโภคสิ่งแวดล้อม และนันทนาการ
- เร่งรัดให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดสรรเงินชดเชยส่วนลดอัตราค่า
โดยสารรถไฟและรถโดยสาร
6. ด้านกฏหมาย
- เร่งรัดให้มีการออกพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้สูงอายุ โดยให้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ
7. ด้านการศึกษาและการเรียนรู้
- จัดบริการการศึกษานอกโรงเรียน และการศึกษาตามความต้องการของผู้สูงอายุ รวมทั้ง
ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของการมีสมาชิกหลายรุ่นอายุอยู่ร่วมกันในลักษณะครอบครัว
โดยใช้สื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ
เรื่องแนวคิดและทิศทางการพัฒนาสตรีตามแผนฯ 8
____________________________________
คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) มีมติเห็นชอบร่างแผนพัฒนา
สตรีในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2540-2544 โดยมีแนวคิดและทิศทางการพัฒนาสตรี ดังต่อไปนี้
- เน้นพัฒนาที่ตัวสตรี ให้สตรีทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ตามศักยภาพทั้งทางร่างกาย
จิตใจและสติปัญญา เพื่อเป็นทั้งคนดี มีศักยภาพ มีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ และให้สตรีทุกคนมีสิทธิและมีโอ
กาสได้รับการพัฒนาความรู้ ความสามารถ มีส่วนร่วมการพัฒนาประเทศทุกขั้นตอนอย่างแท้จริง รวมทั้ง
เน้นการมีส่วนร่วมในระดับตัดสินใจ
- เน้นพัฒนาสภาพแวดล้อมรอบตัวสตรี โดยมุ่งการพัฒนาทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน
ตลอดจนระบบความมั่นคงทางสังคมให้เอื้อต่อการพัฒนาสตรี
โดยกำหนดวิสัยทัศน์ของสตรีที่พึงปรารถนาในอนาคตไว้ ดังนี้
1. สตรีทุกคนได้รับการพัฒนาให้เต็มศักยภาพทั้งทางด้านจิตใจ สติปัญญา ความรู้ ความสา
มารถ เพื่อเป็นคนมีสุขภาพดี มีคุณภาพ ตลอดจนสามารถพึ่งพาตนเองได้และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่
างมีคุณค่าตลอดทุกช่วงวัยของชีวิต
2. สตรีทุกคนได้รับสิทธิและโอกาสในการมีส่วนร่วมในทุกระดับของกลไกการตัดสินใจ อีกทั้ง
ให้ได้รับการคุ้มครองป้องกันการละเมิดสิทธิ และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมชาย รวมทั้งในการ
เป็นบุตร ภรรยา มารดา และสตรีโสด
3. สังคมปราศจากอคติและการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
4. สังคมปราศจากการใช้ความรุนแรงต่อสตรี
แผนดังกล่าวกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรีไว้ 5 ยุทธศาสตร์ คือ
1. ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตสตรี
2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมให้เอื้อต่อการพัฒนาสตรี
3. ยุทธศาสตร์การขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี
4. ยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรีกลุ่มด้อยโอกาส
5. ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาสตรี
เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดกับนักเรียนและรถรับส่งนักเรียน
_____________________________________________
ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 13 พฤษภาคม 2540 คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่สำ
นักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดกับนักเรียนและรถรับส่งนักเรียน
ของกระทรวงศึกษาธิการ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการพิจารณาดำเนินการป้องกัน
และแก้ไขอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นกับนักเรียน และรถรับส่งนักเรียน ดังนี้
- การได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ทุกประเภทจำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมความรู้ความสา
มารถหลายด้าน ตามหลักสูตรอย่างครบถ้วน ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับกฏหมายจราจร การควบคุมยานพาหนะ
มารยาทและวินัยในการใช้รถใช้ถนน ซึ่งต้องใช้เวลาในการฝึกอบรมตามหลักสูตรระยะหนึ่ง การทดสอบ
เพียงข้อเขียนและการสอบขับรถยนต์ น่าจะไม่เพียงพอที่จะได้รับใบอนุญาตขับขี่
- การใช้ยาขณะขับขี่รถยนต์ ทั้งยาที่ใช้เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยปกติ ซึ่งมีผลต่อการสั่งงาน
ของระบบประสาท เช่น ยาไข้หวัด หรือยาบ้า เป็นต้น ควรมีการตั้งจุดสุ่มตรวจหายาดังกล่าวอย่างสม่ำ
เสมอ
- การกำหนดพื้นที่เฉพาะเพื่อการจราจรให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตชุมชน หรือเขต
เมือง เช่น บัสเลนส์ ช่องทางขนส่งมวลชน เขตห้ามเดินรถบรรทุกหรือรถโดยสารรับจ้างไม่ประจำทาง
ช่องทางเดินรถสำหรับรถรับส่งนักเรียนเป็นต้น
- กวดขันตรวจจับการใช้ความเร็ว และการห้ามเดินรถบางประเภท ในเวลาเร่งด่วน
- ควรกำหนดไหล่ทาง หรือจุดจอดรถสำหรับหยุดรถรับส่งผู้โดยสารและนักเรียน แยกจาก
ช่องทางปกติตามทางหลวงแผ่นดิน หรือถนนทั่วประเทศให้ทั่วถึง และมีเครื่องหมายที่เห็นชัดเจน
- มีการควบคุมจำนวนชั่วโมงเวลาในการทำงานของพนักงานขับรถยนต์บรรทุก และรถโดย
สานขนาดใหญ่
- ก่อนเสียภาษีรถยนต์ประจำปี ให้มีการตรวจสภาพรถทุกคันโดยเคร่งครัด ให้รถอยู่ในสภาพ
ไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำสำหรับรถยนต์ที่สามารถใช้ได้โดยปลอดภัย
- ควรมีศาลจราจร พิจารณาคดีกับผู้กระทำความผิดกฏหมายจราจรอย่างจริงจัง--จบ--