วันนี้ (12 ต.ค.57) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานฯ พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ก่อนปิดการประชุมฯ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ฝากข้อห่วงใย 4 เรื่อง โดยเรื่องแรก คือ มาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณนี้ ซึ่งพบว่าการจ่ายเงินไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรชาวนา หรือการตรวจสอบบัญชีเพื่อจ่ายเงินให้กับเกษตรกรชาวสวนยางพารานั้น กรณีการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรชาวนายังได้น้อยอยู่ ขณะที่เงินเกษตรกรชาวสวนยางฯ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบบัญชีเพื่อกำหนดจ่ายเงิน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำหนดไว้ยังไม่เห็นผลชัดเจน แต่ก็เข้าใจการดำเนินการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องดำเนินการด้วยความรัดกุมรอบคอบเพื่อให้การจ่ายเงินถึงเกษตรกรอย่างแท้จริงโดยไม่มีการสวมสิทธิ์ อย่างไรก็ตามขอให้ดำเนินการด้วยความรวดเร็วและรอบคอบรัดกุมไปพร้อมกัน เพราะฉะนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องของทุกกระทรวง ทบวง กรม จะต้องมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเห็นผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนทั้งในเรื่องของความรวดเร็วและความรอบคอบรัดกุมด้วย
เรื่องที่ 2 คือ เรื่องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร ตำรวจ กระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยแล้ง อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ฝากย้ำว่าขอให้ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยไปจนสิ้นสุดกระบวนการ คือการฟื้นฟูด้วย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของสังคมและสภาพจิตใจของประชาชนผู้ประสบอุทกภัย
เรื่องที่ 3 คือ เรื่องการจัดระเบียบสังคม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอเป็นกำลังใจและขอบคุณทุกหน่วยงานที่พยายามจัดระเบียบสังคม เดินหน้าดำเนินคดี เอาผิดกับผู้ที่มีอิทธิพล หรือผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพนัน ยาบ้า การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง การค้ามนุษย์ และการค้าประเวณี ฯลฯ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม กำชับข้าราชการในสังกัดอย่าเข้าไปมีส่วนพัวพันกับเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะโดยตรงหรืออ้อม รวมทั้งขอให้ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนได้แจ้งเบาะแสเข้ามาทั้งศูนย์ดำรงธรรม หรือ สายด่วน 1111 ของรัฐบาล เป็นต้น
และเรื่องสุดท้าย คือ เรื่องปัญหาภัยแล้งซึ่งทุกส่วนคาดหมายว่าจะทวีความรุนแรงในอนาคต โดยมอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และจัดเตรียมแผนให้รัดกุม ทั้งมาตรการรับมือกับปัญหา การพยายามที่จะเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ เช่น การทำฝนหลวง การสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้ช่วยกันใช้น้ำอย่างคุ้มค่าและประหยัด ตลอดจนการขอรับความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาภัยแล้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับปัญหาดังกล่าวในอนาคต และป้องกันไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกจนเกินไป
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th