ไทยสนับสนุนญี่ปุ่นให้มีบทบาทด้านความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียนและร่วมกันรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่

ข่าวทั่วไป Wednesday November 12, 2014 13:58 —สำนักโฆษก

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน- ญี่ปุ่น ครั้งที่ 17 เห็นพ้องที่จะร่วมกันส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค และรับรองแถลงการณ์ร่วมระหว่างอาเซียนและญีปุ่นเพื่อความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญกรรมข้ามชาติ

วันนี้ เวลา 15.00 น. ณ ห้อง Emerald Hall ชั้น 2 ศูนย์การประชุมนานาชาติเมียนมา (MICC 1) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน- ญี่ปุ่น ครั้งที่ 17 ซึ่งเป็นการประชุมระดับผู้นำประจำปีระหว่างผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ กับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนความร่วมมือ กำหนดแนวทางส่งเสริมความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น และประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ

ในส่วนของไทย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็นคู่เจรจาที่มีความสำคัญลำดับต้น นายกรัฐมนตรียินดีที่ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมาผู้นำอาเซียนและญี่ปุ่นได้ร่วมแถลงวิสัยทัศน์ที่จะต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันในทุกมิติ ซึ่งไทยพร้อมให้การสนับสนุน

นอกจากนี้ ไทยชื่มชมญี่ปุ่นที่มีบทบาทแข็งขันในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องในด้านเศรษฐกิจเป็นส่วนสำคัญของความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ในฐานะคู่ค้าอันดับ 3 และผู้ลงทุนอันดับ 2 ของอาเซียน เพราะฉนั้น นายกรัฐมนตรีสนับสนุนการที่ญี่ปุ่นมีบทบาทแข็งขันในการพัฒนาความเชื่อมโยงในภูมิภาคและระเบียงเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึง การพัฒนาระบบการขนส่งทางราง การพัฒนาระบบรางคู่ โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจพิเศษ จึงเป็น win-win สำหรับทั้งอาเซียนและญี่ปุ่น เพราะประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง ย่อมจะเป็นผลประโยชน์สำหรับญี่ปุ่นเช่นกัน

ยุคนี้ เป็นยุคของเอเชีย-แปซิฟิก เพราะเราเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลก ทุกประเทศจึงต้องช่วยกันประคับประคองและรักษาสันติภาพ และเสถียรภาพของภูมิภาค เพื่อเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ บทบาทของมหาอำนาจและความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างประเทศมหาอำนาจมีความสำคัญ ดังนั้น นโยบายเชิงรุกเพื่อสันติภาพของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น น่าจะช่วยส่งเสริมความพยายามนี้ได้

นอกเหนือจากความมั่นคงรูปแบบเดิม ในปัจจุบัน ประชาคมโลกยังคงต้องเผชิญต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นปัญหาที่ไร้พรมแดนและหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนับวันมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ การคอรัปชั่น และโรคระบาด ต้องยอมรับว่า การเชื่อมโยงของภูมิภาคที่มากขึ้น จะทำให้ปัญหาเหล่านี้ มีมากขึ้น แต่อาเซียนต้องสร้างเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็งด้วย

ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงสนับสนุนการรับรองแถลงการณ์ร่วมระหว่างอาเซียนและญีปุ่นเพื่อความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญกรรมข้ามชาติ โดยไทยให้ความสำคัญต่อการป้องกันและปราบปราม การบังคับใช้กฎหมาย การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในด้านอาชญกรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย และอาชญกรรมทางคอมพิวเตอร์ในลำดับแรก

หนึ่งในปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ ที่อาเซียนจะต้องให้ความสำคัญคือ ภัยพิบัติ โดยเน้นการสร้างความเตรียมพร้อมและลดความเสี่ยง ไทยพร้อมสนับสนุนญี่ปุ่นที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Third UN World Conference on Disaster Risk Reduction ที่จะจัดในปีหน้า เพื่อเสริมสร้างการเตรียมความพร้อมในระดับโลก ซึ่งในระดับภูมิภาค ไทยได้ร่วมเป็นเจ้าภาพกับสหประชาชาติ จัดการประชุม Asian Ministerial Conference Disaster Risk Reduction ครั้งที่ 6 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรีเชื่อว่า ถ้าเราร่วมแรงร่วมใจ อาเซียนและญี่ปุ่น ยังมีศักยภาพที่จะร่วมมือกันได้อีกมาก เพื่อให้ประชาชนของทั้งสองฝ่ายมีความอยู่ดีกินดี มีความผาสุกและมีความปลอดภัยจากภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ และนำมาสู่ความมั่นคงและความมั่งคั่งของทุกฝ่าย

กลุ่มวิเทศสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ