รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องการระบายข้าวและการระบายยางพารา ซึ่งการประชุมครั้งที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ดำเนินการประสานงานหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจน โดยเรื่องข้าวกรณีที่มีการตั้งคำถามว่าสามารถที่จะระบายข้าวในสต็อกออกไปได้หรือไม่ หรือจะต้องเก็บไว้เป็นของกลางหรือไม่ เพื่อใช้ดำเนินการตรวจสอบในการพิจารณาหาตัวผู้ที่กระทำผิดหรือมีส่วนทุจริตมาลงโทษนั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ป.ป.ช. ได้เคยตอบคำถามต่อกรณีดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง ว่า ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของกรมการค้าต่างประเทศ แต่เป็นคำตอบที่ยังไม่ชันเจน จึงได้สอบถามกลับไปที่ ป.ป.ช.อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ ป.ป.ช. ก็ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนว่า ทาง ป.ป.ช. ให้ความสนใจเฉพาะตัวเลขของข้าวและปริมาณข้าว ไม่ได้สนใจตัวคุณภาพ ฉะนั้นยืนยันได้ว่า ข้าวไม่ใช่ของกลาง ซึ่งการดำเนินการต่อข้าว เพื่อเร่งระบายข้าวออกไปก็ให้ดำเนินการไปตามแนวทางนโยบายที่รัฐบาลกำหนดไว้ เพราะข้าวเป็นสินค้าที่เสื่อมสภาพได้ง่าย อย่างไรก็ตามเมื่อใดที่ ป.ป.ช. เห็นว่าขอให้ยุติในงวดใดเพื่อจะตรวจสอบเพิ่มเติมก็จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อน แต่การขายและระบายข้าวออกไปขอให้ยึดหลักความสุจริต โปร่งใส อย่าให้มีการสมยอมกันในการเสนอราคา และยืนยันว่าบุคคลที่ได้ดำเนินการตามคำแนะนำดังกล่าวของ ป.ป.ช. จะไม่ถูกย้อนดำเนินคดีในภายหลัง
ส่วนที่มีคำถามเรื่องการระบายยางพารา ต่อกรณีองค์การสวนยาง (อสย.) ได้รับเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และซื้อยางมาแล้วสามารถระบายยางในสต็อกออกไปได้หรือไม่นั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับ ป.ป.ช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ระบุว่า องค์การสวนยางมีอำนาจในการขายยางพารา โดยหากองค์การสวนยางมีงบประมาณเพียงพอและ ธ.ก.ส.จ่ายเงินให้เรียบร้อยแล้วก็สามารถที่จะขายยางออกไปได้ ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งเรื่องนี้ ทาง ป.ป.ช. ได้แจ้งมาว่าไม่มีสำนวนเรื่องการตรวจสอบยางอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. ดังนั้นสรุปว่า ทั้งสองกรณีอนุมัติให้มีการระบายและจำหน่ายได้ตามนโยบายของรัฐบาล
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th