“ สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เป็นการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะทำงานทั้ง 4 คณะ และมีเรื่องเพื่อพิจารณา 4 เรื่อง โดยเป็นข้อหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหาร สอท. ได้แก่ 1) การมอบหมายให้ สอท. เป็นผู้ตรวจสอบโรงงานและต่ออายุใบอนุญาตแทนเจ้าพนักงาน โดยเน้นโรงงานที่ไม่มีปัญหาสิ่งแวดล้อม และเป็นสมาชิกของ สอท.ก่อน ขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) อยู่ระหว่างกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในเดือนหน้า 2) การให้ความสำคัญ/ส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยที่ได้รับเครื่องหมาย มอก. โดยเน้นให้การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทยก่อน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ซึ่งอาจไม่มีหน่วยงานใดตรวจติดตาม ทางภาคเอกชนจึงต้องการให้เข้มงวดในการปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวมากขึ้น โดยภาครัฐควรทำหนังสือกำชับไปยังหน่วยงานต่างๆ 3) การชะลอการออกใบอนุญาตการนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นคอนกรีตรีดร้อนและเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อนเจืออัลลอยด์จากต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการขออนุญาต เพราะมีการร้องเรียนในเรื่องทางวิชาการเข้ามาที่มีผลต่อคุณภาพความแข็งแรงของเหล็กหรือไม่ โดยได้มอบให้ทางสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) ไปศึกษา และประเทศอื่นมีการรับมือกับปัญหาเหล็กเจือโบรอน(Boron) ซึ่งเป็นสารชุบแข็งลงในเหล็กทำให้เหล็กมีคุณสมบัติพิเศษโครงสร้างแข็งแรงขึ้น และ 4) ความร่วมมือระหว่าง สอท. กับกระทรวงอุตสาหกรรม ในการจัดทำโครงการ/กิจกรรมเพื่อคืนความสุขให้คนในชาติเนื่องในวาระปีใหม่ ที่คาดว่าน่าจะเป็นการจัดงานขายสินค้าในราคาโรงงาน คณะทำงานจะหารือเรื่องสถานที่และเวลาอีกครั้ง ” นางอรรชกา กล่าว
ทั้งนี้ 1) คณะทำงานปรับปรุงการออกใบอนุญาตต่างๆ ของกระทรวงอุตสาหกรรม ทาง กรอ. รายงานว่าตั้งแต่เริ่มแต่งตั้งคณะทำงานร่วมจนถึงปัจจุบัน สามารถดำเนินการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ได้ทั้งหมดโดยไม่มีเรื่องค้างพิจารณา เช่นเดียวกับประทานบัตรของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และใบอนุญาตของ สมอ.
2) คณะทำงานการแก้ไขปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมและขยะอุตสาหกรรมได้นำเสนอ 4 แนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ได้แก่ การจัดแบ่งชั้นโรงงาน การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมให้โรงงานพัฒนาเข้าสู่ Eco Industrial Town การส่งเสริมความร่วมมือกับองค์กรวิชาชีพด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมเพื่อให้มีส่วนร่วมในการรับรองการออกแบบระบบบำบัดมลพิษ และการส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบปัญหามลพิษในโรงงาน
3) คณะทำงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรม เน้นการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยให้ก้าวเข้าสู่ AEC เช่น การเร่งพัฒนาบุคลากรป้อนให้กับภาคอุตสาหกรรม พร้อมสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการในเรื่องที่จะขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ นอกจากนี้ยังเห็นร่วมกันว่าจะร่วมกันจัดงานขายสินค้า Made in Thailand เพื่อคืนความสุขให้ทั้งผู้ประกอบการและประชาชน
4) คณะทำงานต่อต้านคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ ที่ผ่านมาได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) และจัดทำแผนยุทธศาสตร์ป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับกระทรวงประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 – 2560,การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 – 2560 และจัดเตรียมการทำเกณฑ์ประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นไปตามรูปแบบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ( ป.ป.ท )
“ในการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กับ สอท.ภาคเอกชนมีความพอใจอย่างมากต่อการออกใบอนุญาตต่างๆของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันไม่มีการค้าง ส่วนความเป็นไปได้ที่ในอนาคตจะมอบให้ ส.อ.ท. เป็นผู้ตรวจสอบในการต่อใบอนุญาตโรงงาน โดยอาจเริ่มจากโรงงานที่ไม่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมและเป็นสมาชิกของ ส.อ.ท.ก่อน แต่มีเรื่องที่เป็นห่วง คือ ในแง่ของคนที่จะเข้าตรวจ ต้องมีความรู้ความสามารถ ทั้งนี้ โรงงานที่เป็นสมาชิกของ สอท. มีประมาณ 8,000 ราย ถ้าจะต่ออายุโรงงานที่เป็นสมาชิก จำนวน 1,000 – 2,000 รายต่อปี ต้องพิจารณาว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่นั้น ข้อพิจารณาในประเด็นดังกล่าวต้องดูเรื่องความเป็นไปได้ตามกฎหมาย ความพร้อมของ สอท. และการผ่อนปรนของ กรอ.เกี่ยวกับข้อสอบและเกณฑ์การประเมิน Third Party โดยครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคมนี้” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
ที่มา: http://www.thaigov.go.th