วันนี้ (24 พ.ค. 57) เวลา 19.00 น. ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2557 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ภายใต้แนวคิด “A Decade of Diamond Hearts : โปร่งใส หัวใจคุณธรรม 10 ปีเลิศล้ำ รางวัลรัฐวิสาหกิจไทย” ซึ่งสะท้อนถึง 10 ปี แห่งรางวัลอันทรงเกียรติ 10 ปี ทั้งนี้ เพื่อประกาศให้สาธารณชนได้รับทราบถึงผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่ดีเด่นในด้านต่าง ๆ และสร้างขวัญกำลังใจให้พนักงานรัฐวิสาหกิจซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจมีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้ร่วมงาน ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารกระทรวงการคลัง กรรมการและผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและสื่อมวลชน จำนวนประมาณ 800 คน เข้าร่วมงานในครั้งนี้
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐวิสาหกิจเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุน ก่อให้เกิดการจ้างงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สำหรับ รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นปีนี้ มีการมอบรางวัลทั้งสิ้น 9 ประเภทรางวัล ประกอบด้วย รางวัลคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รางวัลการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รางวัลการเปิดเผยข้อมูลดีเด่น ได้แก่ การประปานครหลวง และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รางวัลนวัตกรรมดีเด่น ระดับดีเด่น ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รางวัลการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ได้แก่ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร (บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และรางวัลพิเศษ (รางวัลแห่งความภูมิใจ) ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับรางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น รางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2257 ในปีนี้ ไม่มีหน่วยงานใดได้รับรางวัล
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบโล่รางวัลรัฐวิสาหกิจที่ดีเด่นประจำปี 2557 ในด้าน ต่าง ๆ พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับรัฐวิสาหกิจและบุคคลที่ได้รับรางวัลในวันนี้ ซึ่งผลงานดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือร่วมใจในการขับเคลื่อนประเทศของทุกคนในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งคุณค่าของรางวัลไม่เพียงสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน แต่เน้นย้ำถึงบทบาทของรัฐวิสาหกิจในการให้บริการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน และสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศชาติและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจทั้งหมดมีอยู่จำนวน 56 แห่ง ใน 9 สาขา เช่น สาขาเกษตร ขนส่ง พลังงาน โทรคมนาคม ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีสินทรัพย์รวมของรัฐวิสาหกิจประมาณ 12 ล้านล้านบาท และมีรายได้รวมต่อปีประมาณ 5 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 44 ของ GDP กำไรสุทธิประมาณ 3 แสนล้านบาท และในปี 2557 รัฐวิสาหกิจสามารถนำส่งรายได้เข้ารัฐประมาณ 1 แสนล้านบาท และคาดหวังว่า ปีหน้าจะสามารถส่งเข้ารัฐบาลได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะต้องเตรียมความพร้อม ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือในการขับเคลื่อนสร้างความเข้มแข็งของคนในประเทศ และพัฒนาองค์กรให้มีความยั่งยืน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลมีการจัดตั้งซุปเปอร์บอร์ด เพื่อขับเคลื่อนการทำงาน จัดทำกลยุทธ์ให้ทันสมัย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ส่วนการลงทุน รัฐพยายามแก้ไขกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ พร้อมยืนยัน นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ได้เป็นการสร้างหลักเกณฑ์ให้กับประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้โลกไม่ได้มองแค่ประเทศไทย ซึ่งมีหลายเรื่องที่ต้องติดตามคือ การเจริญเติบโตของโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับหลายเรื่อง เช่น Economy Green Energy Connectivity ซึ่งประเทศใดประเทศหนึ่งโตด้วยตัวเองไม่ได้ วันนี้ต้องมีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน อีกทั้ง การพัฒนาเศรษฐกิจต้องมีความยั่งยืน รัฐวิสาหกิจจึงต้องเตรียมความพร้อมที่จะสร้างความเข้มแข็ง สร้างรายได้ให้รัฐนำไปพัฒนาประเทศ เมื่อรัฐมีเสถียรภาพ ประชาชนมีความสุข ประเทศไทยก็จะมีความเข้มแข็งเช่นเดียวกับอาเซียนและประชาคมโลกที่เข้มแข็งต่อเนื่องเชื่อมโยงกันทั้งโลก
นอกจากนี้ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์ในองค์กรให้เป็นองค์กรที่มีจริยธรรม องค์กรที่ดี ๆ มีคุณธรรม และสร้างวัฒนธรรมภายในองค์กร ที่เน้นเรื่องความโปร่งใส และอยากให้รัฐวิสากิจทุกแห่งตั้งใจทำงาน และได้รับความเชื่อมั่นศรัทธาจากประชาชน รัฐบาลมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่งมีกำไร เกิดความสมดุล และประชาชนมีความสุขให้ได้และเป็นองค์กรของทุกคนมีส่วนร่วมในรัฐวิสาหกิจ เพื่อการพัฒนารัฐวิสาหกิจให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้กราบทูลเรื่องงานที่รัฐบาลและทุกภาคส่วนได้ร่วมกันดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งพระองค์ท่านทรงเข้าพระทัยการดำเนินงานของรัฐบาล และรับสั่งว่า การบริหารประเทศช่วงนี้เป็นงานหนัก และมีเวลาค่อนข้างจำกัด ในการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีหน้า จึงขอให้ทุกคนได้ใช้หัวใจในการทำงานร่วมกัน เพื่อเดินหน้าประเทศและขับเคลื่อนประเทศ และมั่นใจว่านโยบายของรัฐบาลจะบังเกิดประสิทธิผลในการแก้ไขปัญหาประเทศ
สำหรับการพัฒนารัฐวิสาหกิจในระยะต่อไป รัฐบาลได้แต่งตั้งองค์กรกลางขึ้นมากำหนดนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ คือ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือที่เรียกว่า “ซุปเปอร์บอร์ด” ซึ่งซุปเปอร์บอร์ดได้มีการกำหนดแนวทางในการดำเนินงาน และทำหน้าที่เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน เพราะการทำงานของรัฐวิสาหกิจจะกระทบกับประชาชนส่วนใหญ่ ดังนั้น การทำงานจะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อประชาชนโดยรวม และมุ่งให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนให้มากที่สุด นอกจากนี้ รัฐบาลยังเน้นให้รัฐวิสาหกิจมีกระบวนการในการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส โดยนำระบบ CoST หรือที่เรียกว่า Construction Sector Transparency Initiative กระบวนการในการเปิดเผยข้อมูลและติดตามการดำเนินโครงการก่อสร้างของรัฐวิสาหกิจที่เป็นมาตรฐานสากลมาใช้ รวมถึงนำหลักการสัญญาคุณธรรม หรือที่เรียกว่า Integrity Pact ซึ่งเป็นการสร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจมาใช้ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลจะส่งเสริมให้เอกชน ร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnership: PPP) เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือก ในการหาแหล่งทุนอื่นเพิ่มเติมให้กับรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากภาครัฐมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ ซึ่งจะช่วยให้รัฐวิสาหกิจมีศักยภาพในการลงทุนมากขึ้น อีกทั้ง ยังมั่นใจว่า นโยบายและการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ จะทำให้เกิดการพัฒนาของประเทศอย่างยั่งยืน ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น จากการบริการที่ดีมีประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง สำหรับความมุ่งมั่นในการให้บริการกับประชาชนและร่วมในการพัฒนาประเทศมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งกำลังใจให้กับทุกคนที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ประชาชน และขอให้ทุกคนร่วมกันคิดต่อไปว่า จะมีแนวทางอย่างไร ที่จะพัฒนาองค์กรให้มีความเข้มแข็ง มีความโปร่งใสเห็นได้รอบด้าน เพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติเป็นสำคัญ
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ชมพูนุท / รายงาน
ลัดดา/ตรวจ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th