รมว.ศธ. ตรวจเยี่ยมสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ข่าวทั่วไป Friday November 21, 2014 15:33 —สำนักโฆษก

พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลเรือเอก เรืองทิพย์ เทียนทอง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร) และคณะ พบปะและหารือการดำเนินงานของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) กับคณะกรรมการบริหาร สทศ. โดยมีศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และรองศาสตราจารย์ ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการ สทศ. ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 ที่ห้องประชุม สทศ. 3 ชั้น 35 อาคารพญาไทพลาซ่า

ทั้งนี้ มีรองศาสตราจารย์นายแพทย์ กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และ ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้าร่วมประชุมในฐานะคณะกรรมการบริหารด้วย

รมว.ศธ.เปิดเผยต่อสื่อมวลชนภายหลังหารือกับคณะกรรมการบริหาร สทศ.ว่า ต้องการที่จะมาเยี่ยมเยียนและรับฟังภารกิจ ผลการดำเนินงาน ตลอดจนแนวทางการพัฒนาระบบทดสอบประเมินผลการศึกษาของนักเรียนนักศึกษาและประเทศในอนาคต ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปดังนี้

การทดสอบ O-Net รมว.ศธ. กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวคิดเกี่ยวกับการจัดทดสอบ O-Net ของ สทศ. ว่าที่ผ่านมาจัดสอบทั้ง 8 กลุ่มสาระวิชา ซึ่งผู้บริหาร ศธ.มีแนวคิดว่า สทศ.จัดสอบเฉพาะสาระวิชาหลักด้านความรู้ ด้านทักษะได้หรือไม่ ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ในส่วนวิชาสังคมศึกษา หน้าที่ความเป็นพลเมือง สุขศึกษา พลศึกษา ศิลปะ และดนตรี ให้โรงเรียนเป็นผู้ดำเนินการสอบเอง ซึ่งที่ประชุมก็ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกัน แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ ตนจึงได้มอบเป็นการบ้านให้ สทศ.นำไปพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร และเมื่อได้ข้อยุติแล้วให้แจ้ง ศธ.ทราบด้วย สำหรับเหตุผลที่ต้องการจะปรับการทดสอบ O-Net ให้เหลือเฉพาะวิชาหลักนั้น เนื่องจากกลุ่มวิชาสังคมศึกษา เช่น สังคม ศิลปะ ดนตรี เป็นวิชาที่ขึ้นอยู่กับบริบทและวัฒนธรรมท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค หากจะให้ส่วนกลางออกข้อสอบเหมือนกันทั้งประเทศ อาจจะเกิดความเหลื่อมล้ำได้ จึงเสนอให้พื้นที่คือ โรงเรียนได้ดำเนินการเอง เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งจะสามารถวัดผลได้ดีกว่าด้วย เพราะโรงเรียนสามารถนำวิถีชีวิต สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคมาเป็นข้อสอบ รวมทั้งปรับแบบทดสอบได้หลากหลายมากกว่าการสอบแบบเลือกคำตอบเท่านั้น เช่น ข้อสอบแบบอัตนัย หรือวิธีอื่นๆ

สำหรับบางสาระย่อยในวิชาสังคมศึกษา เช่น เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ที่ประชุมมีความเห็นว่า เป็นเรื่องของความรู้ที่น่าจะนำมาใช้สอบ O-Net ได้ แต่อาจจะลดสัดส่วนคะแนนลง ซึ่งเป็นรายละเอียดที่จะต้องหารือกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ศธ.กำลังเตรียมการปฏิรูปภาคปฏิบัติ โดยจัดทำเป็นโครงการนำร่องกระจายอำนาจด้านงบประมาณ บริหารจัดการ บุคลากร รวมทั้งหลักสูตร ลงไปยังเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งในส่วนของหลักสูตร ศธ.จะมีหลักสูตรกลางให้ทุกโรงเรียนจัดการเรียนการสอนส่วนหนึ่ง และหลักสูตรเฉพาะพื้นที่ส่วนหนึ่ง ที่แต่ละพื้นที่สามารถออกแบบให้สอดคล้องกับบริบทของตัวเอง โดยจะมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงไปสู่การวัดผลด้วย ดังนั้น หากจะวัดผลโดยส่วนกลางทั้งหมด อาจจะไม่สอดคล้องกับหลักสูตรในพื้นที่

ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศธ. กล่าวว่า หากมีการปรับการทดสอบ O-Net ให้เหลือ 4 วิชาหลักจริง การนำคะแนนไปใช้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะนำคะแนนในส่วนใดไปใช้ แต่ตนมีความเห็นว่า หลายสาระการเรียนรู้ขึ้นอยู่กับบริบทของพื้นที่ ไม่สามารถวัดได้ด้วยข้อสอบเพียงอย่างเดียว โดยในขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ จะต้องรอผลการหารือของคณะกรรมการบริหาร สทศ.ก่อน อย่างไรก็ตามหากสามารถทำได้จริง อาจอยู่ในรูปแบบของพื้นที่นำร่อง และในขณะเดียวกัน สพฐ.ก็จะต้องออกแนวปฏิบัติที่ชัดเจน ทั้งในเรื่องหลักสูตร การเรียนการสอน โดยมี สทศ.ให้การช่วยเหลือในเรื่องของการวัดผลที่ไม่ใช่วัดความรู้เพียงอย่างเดียวด้วย

การทดสอบ U-Net รมว.ศธ.กล่าวว่า สทศ.มีแนวคิดที่จะจัดการทดสอบตามมาตรฐานการอุดมศึกษา หรือ U-Net อีกครั้ง ในลักษณะการอำนวยความสะดวกในการจัดสอบวิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษในระดับปริญญาตรี ซึ่งผู้สอบสามารถดูผลการสอบได้ทางระบบอินเทอร์เน็ต และสามารถนำผลการทดสอบไปใช้ในการพัฒนาตนเองต่อไปได้ แม้ที่ผ่านมาอาจจะมีเสียงคัดค้านอยู่บ้าง แต่ขณะนี้ สทศ.จะเดินหน้าในเรื่องนี้ต่อ ซึ่งจะได้รับการตอบรับมากน้อยเพียงใดนั้น ก็ยังเป็นหน้าที่ของ สทศ.ที่จะต้องสร้างความเชื่อถือในการจัดสอบให้ได้ โดยเฉพาะกับสถานประกอบการต่างๆ ที่จะรับเด็กเข้าทำงาน เพื่อให้ในอนาคตสามารถใช้ผลการทดสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลประกอบการสมัครเข้าทำงานของผู้จบการศึกษา ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศธ. กล่าวว่า การจัดทดสอบ U-Net ครั้งนี้ เปรียบเสมือนการมีไม้บรรทัดวัดความรู้วิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษของผู้ที่จะจบระดับอุดมศึกษา ซึ่ง สทศ.จะต้องสร้างระบบให้คนไทยเกิดความมั่นใจและยอมรับให้ได้ โดยจะต้องมีการเทียบเคียงกับมาตรฐานของต่างประเทศด้วย ผลการดำเนินงานตามพันธกิจของ สทศ. รองศาสตราจารย์ ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สทศ. ได้รายงานผลการดำเนินงานตามพันธกิจของ สทศ. 7 ประการ ได้แก่

  • การจัดระบบ วิธีการทดสอบและพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผลตามมาตรฐานการศึกษา
  • การประเมินผลการจัดการศึกษาและการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ตลอดจนให้ความร่วมมือและสนับสนุนการทดสอบ ทั้งระดับเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา
  • การทดสอบทางการศึกษา บริการสอบวัดความรู้ความสามารถ และการสอบวัดมาตรฐานวิชาการและวิชาชีพ เพื่อนำผลไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในการเทียบระดับและการเทียบโอนการเรียนที่มาจากการศึกษาในระบบเดียวกัน หรือการศึกษาต่างระบบ
  • การศึกษาวิจัย และเผยแพร่นวัตกรรมเกี่ยวกับการทดสอบทางการศึกษา ตลอดจนเผยแพร่เทคนิคการวัดและประเมินผลการศึกษา
  • การเป็นศูนย์กลางข้อมูลการทดสอบทางการศึกษา ตลอดจนสนับสนุนและให้บริการผลการทดสอบแก่หน่วยงานต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • พัฒนาและส่งเสริมวิชาการด้านการทดสอบและประเมินผลทางการศึกษา รวมถึงการพัฒนาบุคลากรด้านการทดสอบ การติดตามประเมินผลคุณภาพบัณฑิต การรับรอบมาตรฐานของระบบวิธีการ เครื่องมือวัด ของหน่วยงานการประเมินผลและทดสอบทางการศึกษา
  • การเป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านการทดสอบการศึกษาทั้งในระดับประเทศและระดับชาติ นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สทศ. กล่าวถึงประเด็นการจัดทดสอบ U-Net ว่า สทศ.จะให้บริการการทดสอบวิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษแก่นักศึกษาระดับปริญญาตรีที่สมัครใจ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้นำผลการทดสอบไปใช้ประโยชน์ แต่ยังไม่ถึงขั้น U-Net ที่จะทำการทดสอบวัดผลแกนกลางของคุณภาพวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือการคิดวิเคราะห์ ทั้งนี้ ที่ประชุมมีความเห็นให้ สทศ.เปิดรับสมัครมหาวิทยาลัยหรือนักศึกษาที่ต้องการจะประเมินสมรรถนะตนเอง ซึ่งเป็นหน้าที่ของ สทศ. ที่จะต้องให้บริการการทดสอบที่มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกันและสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นให้ได้ แต่การจะนำผลไปใช้ในการจบการศึกษาหรือทำงานนั้น เป็นเรื่องของอนาคตและขึ้นอยู่กับสถานประกอบการแต่ละแห่งด้วย

นวรัตน์ รามสูต

บัลลังก์ โรหิตเสถียร

สรุป/รายงาน Published 21/11/2014

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ