2. การขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในภาคเกษตรและชนบทในปี 2558 มีเป้าหมายที่จะดำเนินงานขยายผลสู่หมู่บ้าน จำนวน 19,661 หมู่บ้าน โดยคำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของเกษตรกรและประชาชน จึงให้จังหวัดร่วมกับทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงานขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป้าหมายที่จะสามารถเห็นผลความก้าวหน้าที่ปรากฏเป็นรูปธรรมใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเป็นวาระครบรอบ 20 ปี แห่งการพระราชทานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และถือเป็นวโรกาสแห่งการเฉลิมฉลอง 90 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
3. การเตรียมพร้อมรับสาธารณภัย เริ่มจากภัยหนาวให้จังหวัดเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวให้สอดคล้องกับแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ สำรวจและจัดทำบัญชีผู้ประสบภัยหนาว โดยเฉพาะกลุ่ม คนชรา คนพิการ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ด้อยโอกาสทีมีฐานะยากจน เพื่อกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือ จัดทำแผนดูแลสุขภาพอนามัยการรักษาพยาบาลประชาชนพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเป็นระยะจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูหนาว จัดเตรียมเครื่องกันหนาวเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง เป็นธรรม รวมทั้งประสานงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาภัยหนาวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามนโยบายของรัฐบาล การเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2558 เน้นย้ำเรื่องการดูแลและแก้ไขปัญหา น้ำอุปโภค/บริโภคเป็นหลัก รวมถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยสำรวจพื้นที่ หมู่บ้าน ตำบล ที่คาดว่าจะประสบภัยแล้งให้ชัดเจน จัดเตรียมบุคลากร เครื่องจักรกล เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างให้พร้อมปฏิบัติงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยก่อนที่จะเกิดปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง สร้างความตระหนักในการใช้น้ำอย่างประหยัด และขอความร่วมมือให้มีการเพาะปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย และให้ศูนย์ดำรงธรรมรับฟังข้อมูลปัญหาและข้อเรียกร้องจากประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป และการป้องกันและลดการอุบัติเหตุบนถนน รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับนโยบายลดปัญหาอุบัติเหตุบนถนน และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ มีเป้าหมายเพื่อ ลดความสูญเสียให้ต่ำกว่า 10 คน ต่อประชากร 1 แสนคน จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสำคัญและกำหนดให้เป็นวาระของจังหวัด โดยใช้กลไกศูนย์ความปลอดภัยทางถนนทุกระดับตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น รวมถึงภาคเอกชน มูลนิธิ และประชาสังคมในการขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ตำรวจ ฯลฯ แก้ไขปัญหาด้านวิศวกรรมจราจร กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ รณรงค์การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยและเตรียมบุคลากร อุปกรณ์ในการช่วยเหลือ ชุดเคลื่อนที่เร็วให้พร้อม โดยเฉพาะในจุดที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุ
4. การกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ติดตาม ตรวจสอบ และกำกับดูแลให้มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง เป็นธรรม เปิดเผย โปร่งใส หากเห็นว่าการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอ รีบดำเนินการตรวจสอบทันที
5. การสนับสนุนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ขณะนี้ กรมโยธาธิการและผังเมือง กำลังเร่งรัดออกแบบวางผังพื้นที่เฉพาะชุมชนชายแดน วางผังโซนนิ่งการใช้ประโยชน์ที่ดิน ระบบสาธารณูปโภค และรายละเอียดโครงการต่างๆ ใน 5 พื้นที่ชายแดนเป้าหมาย (ตาก มุกดาหาร สงขลา สระแก้ว ตราด) และมีการกำหนดแผนการพัฒนาด้านสาธารณูปโภคเพื่อขยายไฟฟ้า น้ำประปา ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและชายแดน จึงให้จังหวัดใน 5 พื้นที่ชายแดนเป้าหมายได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อรองรับการพัฒนาในพื้นที่ด้วย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th