วันนี้ (27 พ.ย.57) เวลา 10.00 น. ณ ห้องฉัตรทอง สโมสรทหารบก เทเวศร์ กรุงเทพมหานคร พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมชี้แจงและมอบนโยบายการดำเนินงานยุทธศาสตร์การเตรียมพร้อมแห่งชาติ (พ.ศ.2557 - 2561) โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับความมั่นคง ได้แก่ ฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร รัฐวิสาหกิจ และองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรวม 125 หน่วยงาน จำนวนทั้งสิ้น 200 คน
นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้กล่าวรายงานว่า ในอดีตที่ผ่านมาสภาความมั่นคงแห่งชาติได้กำหนดให้มีแผนเตรียมพร้อมแห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 และล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบให้มีแผนยุทธศาสตร์การเตรียมพร้อมแห่งชาติ (พ.ศ.2557 - 2561) ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากสถานการณ์และความมั่นคงภายในประเทศและต่างประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยจึงต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับระบบการเตรียมพร้อมของประเทศ ในการเผชิญกับสถานการณ์และภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสมในแต่ละห้วงเวลา โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อมุ่งหมายให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้จัดทำแผนรองรับ ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตลอดจนภัยธรรมชาติต่าง ๆ รวมทั้งมีส่วนร่วมกันในการประสานแผน เพื่อให้นำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเกื้อหนุนกันในการฝึกซ้อม เพื่อเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวเปิดการประชุมฯ สรุปความว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติได้เตรียมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวมานานแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 และสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรัฐบาลมีความจำเป็นต้องเตรียมแผนยุทธศาสตร์ฯ รองรับภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาได้ทันต่อสถานการณ์ ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว เตรียมการไว้เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปีนี้จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2561 เพื่อให้ส่วนราชการและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้เป็นกรอบหรือแนวทางในการจัดทำแผนเตรียมพร้อมของส่วนราชการของตนเอง โดยยึดแนวทาง การให้ความสำคัญในการเตรียมพร้อมยุทธศาสตร์ฯ ทั้งในภาวะปกติโดยปฏิบัติงานในเชิงรุกและประสานงานกับทุกส่วนราชการให้สามารถปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์ฯ นั้น อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจน ผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและจิตสำนึกร่วมกัน ในการฝึกทักษะปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์ฯ นั้น โดยมีระบบการบัญชาการหรือสั่งการที่เป็นเอกภาพและเป็นหนึ่งเดียวกัน อีกทั้ง มีการฝึกซ้อมในหน่วยงานด้วยการจำลองเหตุการณ์ว่ามีภัยพิบัติต่าง ๆ เกิดขึ้นจริง เพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์ที่หากเกิดขึ้นได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ เพื่อความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นให้เข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว
พร้อมกันนี้ ตอนท้ายของการกล่าวเปิดการประชุมชี้แจงฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวย้ำว่า ขอให้ผู้เข้าร่วมประชุมในวันนี้ได้เน้นในการจัดทำแผนป้องกันและแผนฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงานจัดทำยุทธศาสตร์ เตรียมพร้อมรับภัยพิบัติต่าง ๆ ด้วยความเป็นเอกภาพ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างฉับไวพร้อมกล่าวอวยพรให้การประชุมในวันนี้ประสบผลสำเร็วตามวัตถุประสงค์ทุกประการและผู้เข้าร่วมประชุมฯ สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับในวันนี้นำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร ชาติบ้านเมืองและประชาชนอย่างแท้จริงต่อไป
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
พัณณ์วรินทร์ อินโท่โล่ รายงาน
ดวงใจ กล่อมจิตต์ ตรวจ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th