นายปราโมทย์ วิทยาสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าพัฒนาโครงสร้าง SMEs ไทย ตามนโยบายเสริมสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับ SMEs ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญต่อการผลักดันให้ธุรกิจมีการเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทย เพื่อรองรับและตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มประเทศอาเซียน และอาเซียน+3 โดยในปีงบประมาณ 2557 นี้ได้มีการลงนามความร่วมมือกับหน่วยงานสนับสนุน SMEs จากญี่ปุ่นมาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้ สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolitan Industrial Technology Research Institute : TIRI) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้รัฐบาลท้องถิ่น จังหวัดโตเกียว เพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบกิจการในจังหวัดโตเกียว และปริมณฑลรวมถึงหน่วยงานราชการ หน่วยงานการศึกษาทั่วประเทศ มีความประสงค์ที่จะจัดตั้งสำนักงาน TIRI Bangkok Branch (TIRIBB) ในประเทศไทย เพื่อให้คำปรึกษาด้านเทคนิคการผลิตแก่ผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการญี่ปุ่นในประเทศไทย กระทรวงอุตสาหกรรมจึงมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ในฐานะหน่วยงานที่ให้การส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน เพื่อให้มีสมรรถนะและขีดความสามารถในการประกอบการที่เป็นเลิศและมีความยั่งยืนสู่สากล ดำเนินการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ TIRI ประเทศญี่ปุ่น เพื่อการจัดตั้งสำนักงานดังกล่าวในประเทศไทย พร้อมอนุมัติให้ใช้พื้นที่ในส่วนของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ด้าน นายมาซาโตชิ คาตาโอกะ ประธานสถาบันวิจัยเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมแห่งมหานครโตเกียว (Tokyo Metropolitan Industrial Technology Research Institute : TIRI) กล่าวว่า สำนักงาน TIRI เป็นหน่วยงานที่มุ่งมั่นในการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในกรุงโตเกียว ผ่านการให้ความสนับสนุนด้านเทคโนโลยี ต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาของ SMEs ซึ่งก่อตั้งมาแล้วกว่า 94 ปี โดยขณะนี้มีสาขาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น 5 สาขา ได้แก่ 1. สำนักงานใหญ่กรุงโตเกียว 2. สาขาโจโต 3. สาขาสุมิตะ 4. สาขาโจนัน 5. สาขาทามะเทคโนพลาซ่า และ หากการจัดตั้งสาขากรุงเทพฯ ประเทศไทยสำเร็จก็จะเป็นสาขาที่ 6 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นมีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs สัดส่วนร้อยละ 99.7 ของจำนวนผู้ประกอบการทั้งประเทศ และสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศได้สูงถึง 48.4 พันล้านเยน หรือคิดเป็น 14.98 ล้านล้านบาท และมีจำนวนกว่า 300 โครงการ จากบริษัทของญี่ปุ่นที่ได้รับการอนุมัติให้สามารถทำการลงทุนในประเทศไทยได้ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอสมควร สำนักงาน TIRI จึงเล็งเห็นโอกาสที่จะเข้ามาจัดตั้งสำงาน TIRIBB แห่งแรกในประเทศไทย
ทั้งนี้ สำนักงาน TIRI จะเน้นการให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ในกรุงโตเกียวใน 7 ด้าน ดังนี้
1. Technical Assistance เช่น การรับจ้างทดสอบผลิตภัณฑ์ การให้คำปรึกษา เป็นต้น
2. Supporting Product Development เช่น ให้บริการเช่าห้องทดลอง และเครื่องมือเครื่องจักร เป็นต้น
3. Research and Development เช่น การวิจัยร่วมกัน
4. การพัฒนาบุคลากร เช่น การให้การฝึกอบรม
5. การเผยแพร่ข้อมูลอุตสาหกรรม เช่น การจัดนิทรรศการ การพิมพ์บทความ เป็นต้น
6. Supporting Technology Management เช่น การจัดการสิทธิบัตร เป็นต้น
7. Collaboration in Industrial Circle
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดตั้งสำนักงาน TIRI ประจำกรุงเทพฯ ในประเทศไทย นอกจากจะมุ่งให้คำปรึกษาและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ของญี่ปุ่นแล้ว ผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทยยังมีโอกาสได้รับการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการให้บริการ ด้านอุตสาหกรรมของหน่วยงานภายใต้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และหน่วยงานของสถาบันเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรมอีกด้วย อีกทั้ง ความร่วมมือฯ ครั้งนี้ อาจสามารถนำไปสู่การบูรณาการการทำงานร่วมกันของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และหน่วยงานของญี่ปุ่น ผ่านกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และกิจกรรมบริการทดสอบ วิเคราะห์ วิจัย ด้านอุตสาหกรรม (Technical Service Network Center : TSNC) ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กำลังดำเนินการอยู่ได้เป็นอย่างดีด้วย โดยหลังจากพิธีลงนามความเข้าใจระหว่างสองหน่วยงานเสร็จสิ้น ก็จะเดินหน้าเตรียมการจัดตั้งสำนักงาน TIRIBB ประจำ กรุงเทพฯ โดยจะเริ่มส่งผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นเข้าประจำประมาณเดือนมกราคม 2558 และคาดว่าจะพร้อมให้บริการภายในเดือนเมษายน 2558
นายอาทิตย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ SMEs เป็นพื้นฐานของการทำธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยครอบคลุมทั้งด้านการสร้างงาน สร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างเงินตราต่างประเทศ การผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งเป็นจุดเริ่มต้นในการลงทุน และสร้างเสริมประสบการณ์ และช่วยเชื่อมโยงกับกิจการขนาดใหญ่ และภาคการผลิตอื่น ๆ อาทิ ภาคเกษตรกรรม ตลอดจนเป็นแหล่งพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่แรงงาน โดยปัจจุบันประเทศไทย มีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs ประมาณ 2.739 ล้านราย หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98.5 ของวิสาหกิจทั้งหมด ทั้งนี้ SMEs ไทยสร้างรายได้ให้ประเทศได้กว่า 1.45 ล้านล้านบาทในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. – ก.ย.) โดยในช่วงเดือน ม.ค.- ก.ย. ของปี 2557 ที่ผ่านมา มีบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทย กว่า 300 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 109,000 ล้านบาท (ข้อมูล : สำนักความร่วมมือการลงทุนต่างประเทศ) และคาดว่าภายในสิ้นปี 2557 จะมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือกันระหว่าง SMEs ไทยกับญี่ปุ่นครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนและเสริมสร้างให้ SMEs ไทยเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากขึ้น โดยหวังเป็น อย่างยิ่งว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) โทร. 0 2367 8114-15
สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทร. 0 2367 8114-15 / ข้อมูล
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักบริหารกลาง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทร. 0 2202 4414- 18 / เผยแพร่
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชนติดต่อ
เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์- JC&CO PUBLIC RELATIONS –
ณภัทร กาญจนะจัย / +6681-355-9221 / napatk@jcpr.co.th
เนติมา นิจจันพันศรี /+6686-756-3939/ netiman@jcpr.co.th
MEDIA HOTLINE :+6681-486-3407
ที่มา: http://www.thaigov.go.th