รองนายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบกับเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยในวันนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) โดยรองนายกรัฐมนตรีชื่นชมสหราชอาณาจักรว่าเป็นต้นแบบของ social enterprise ซึ่งช่วยเปิดโอกาสการจ้างงานให้แก่ คนจน คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถพึ่งพาตนเองได้ ทางด้านเอกอัครราชทูต สหราชอาณาจักรได้ชี้แจงว่า กิจการเพื่อสังคมในประเทศอังกฤษมีการเจริญเติบโตและสร้างผลประโยชน์ให้สหราชอาณาจักรอย่างมาก โดยมีแรงงานกว่า 1 ล้านคน ที่ได้ประโยชน์จากการประกอบกิจการแบบ social enterprise
เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรีถึงกองทุนนิวตัน (The Newton Fund) ซึ่งเป็นกองทุนในรูปแบบ Matching Fund ซึ่งเป็นแนวทางสนับสนุนความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ใหม่ของสหราชอาณาจักร โดยฝ่ายสหราชอาณาจักรและประเทศหุ้นส่วนจะจัดงบประมาณร่วมเพื่อผลักดันโครงการความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ การวิจัย เสริมสร้างทรัพยากรบุคคลด้านวิจัย และการแลกเปลี่ยนทรัพยากรบุคคลซึ่งอยู่ในความสนใจของทั้งสองฝ่าย สำหรับประเทศไทย สหราชอาณาจักรจะร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ โดยให้ Research Councils UK, British Council เป็นหน่วยประสานงานหลักของสหราชอาณาจักรเป็น ในโอกาสนี้ ทางเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรได้เชิญรองนายกรัฐมนตรีไปร่วมงานเปิดตัวกองทุนนิวตันในเดือนมกราคม ปี 2558 ซึ่งทางรองนายกรัฐมนตรียินดีรับไปพิจารณา
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรได้หารือกันในเรื่องการรณรงค์ให้คนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยสวมหมวกกันน็อกในการขับขี่รถจักรยานยนต์ รวมถึงการรณรงค์ให้ดื่มสุราอย่างมีความรับผิดชอบ โดยรองนายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรต่างเห็นพ้องกันว่าอุบัติเหตุที่เกิดกับคนไทยและนักท่องเที่ยวจากการไม่ยอมสวมหมวกกันน็อกในการขับขี่รถจักรยานยนต์และการดื่มสุรามีมากขึ้นเรื่อยๆ การดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง นอกจากจะช่วยส่งผลดีต่อประเทศไทยแล้ว ยังช่วยทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีความปลอดภัยขึ้นอีกด้วย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th