นายอารักษ์ พรหมณี รองปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงผลการประชุมกระทรวงแรงงานประจำเดือนพฤศจิกายน 2557 ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยหนึ่งในเรื่องสำคัญซึ่งที่ประชุมกระทรวงแรงงานได้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาเกี่ยวกับกรณีการนำผู้ที่กำลังจะพ้นโทษมาทำงานบนเรือประมง ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดกรมการจัดหางานได้หารือร่วมกับกรมราชทัณฑ์ว่า หลักการพื้นฐานของกระทรวงแรงงานในการจัดหางานเข้าไปเสริมในกิจการประมงภายใต้เงื่อนไข 3 ประการ คือ ผู้ต้องขังต้องสมัครใจ หากไม่เกิดจากความสมัครใจจะเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานบังคับ ต้องมีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่จะเข้าไปทำงาน และต้องได้รับการคุ้มครองตามสิทธิประโยชน์ต่างๆ ส่วนกรมราชทัณฑ์ได้เสนอเงื่อนไขว่า จะพิจารณาสำหรับผู้ต้องขังที่กำลังจะพ้นโทษภายใน 1 ปี โดยเมื่อสมัครใจเข้าสู่การทำงานบนเรือประมงแล้ว จะมีการพิจารณาลดหย่อนโทษ สำหรับตัวเลขของกรมราชทัณฑ์ปัจจุบันพบว่ามีผู้ถูกคุมขังทั่วประเทศจำนวน 320,000 คน ทั้งนี้สองหน่วยงานเห็นพ้องกันว่าเนื่องจากเป็นโครงการใหม่จึงจะเริ่มดำเนินการนำร่องกับเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรสาครเป็นแห่งแรก ซึ่งปัจจุบันมีนักโทษ 3,342 คน ในจำนวนนี้มีวางเป้าหมายไว้เฉพาะกลุ่มผู้ต้องขังชายจำนวน 2,830 คน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้พ้นโทษภายใน 1 ปี และมีอายุอยู่ในช่วง 18 - 25 ปีจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เบื้องต้นได้หารือในเงื่อนไขดังกล่าวไปแล้วและมีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครเป็นประธานการหารือ หลังจากนี้จะได้กำหนดแผนในขั้นตอนการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวต่อไป หารือกรมราชทัณฑ์เตรียมนำผู้ต้องขังมาทำงานบนเรือประมง ภายใต้ 3 แนวทาง คือเกิดจากความสมัครใจของผู้ต้องขัง เตรียมความพร้อมให้เข้าไปทำงาน และได้รับการคุ้มครองตามสิทธิ คาดเริ่มดำเนินการกับผู้ต้องขังที่กำลังพ้นโทษภายใน 1 ปี กลุ่มเป้าหมายอายุ 18 – 25 ปี นำร่องเรือนจำกลาง จ.สมุทรสาครเป็นแห่งแรก ข้อมูลกรมราชทัณฑ์ เผยมีผู้ต้องขังทั่วประเทศ 320,000 คน เฉพาะผู้ต้องขังชายสมุทรสาคร 2,830 คน เบื้องต้นกำลังกำหนดแผนการสัมภาษณ์
ก.แรงงาน แถลงข่าวผลการประชุมกระทรวงเดือนพฤศจิกายน 2557 เผย กรมการจัดหางาน
กลุ่มงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
ที่มา: http://www.thaigov.go.th