การออกประกาศฉบับดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ รองรับการเชื่อมโยงการคมนาคม การค้า การท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้สามารถขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว หรือ VISA ON ARRIVAL ได้ ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทยเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย โดยปัจจุบันมีต่างชาติที่ได้รับอนุญาตจำนวน 18 ประเทศ และ1 เขตเศรษฐกิจ โดยเป็นการเข้ามา ในราชอาณาจักรเพื่อการท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราวไม่เกิน 15 วัน ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศกำหนดช่องทางอนุญาตการขอวีซ่า (VISA ON ARRIVAL) ไปแล้ว จำนวน 32 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นด่านตรวจคนเข้าเข้าเมือง ณ ท่าอากาศยานต่างๆ และด่านตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ชายแดนขนาดใหญ่
ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการค้า การท่องเที่ยว และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจบริเวณชายแดน ของประเทศไทย และเตรียมพร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน กระทรวงมหาดไทยจึงออกได้ประกาศ เพิ่มเติม ด่านตรวจคนเข้าเมืองในการขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว หรือVISA ON ARRIVAL จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ 1. ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ณ บริเวณเขตท่าเรือตามชายฝั่งแม่น้ำโขง 2. ด่านตรวจคนเข้าเมืองบึงกาฬ 3. ด่านตรวจคนเข้าเมืองพิบูลมังสาหาร (ช่องเม็ก) 4. ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าลี่จังหวัดเลย 5. ด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม (สะพานมิตรภาพ – ลาวแห่งที่ 3) 6. ด่านตรวจคนเข้าเมืองน่าน (ด่านห้วยโก๋น) 7. ด่านตรวจคนเข้าเมืองบ้านประกอบจังหวัดสงขลา 8. ด่านตรวจคนเข้าเมืองควนโดน จังหวัดสตูล 9. ด่านตรวจคนเข้าเมืองตากใบ จังหวัดนราธิวาส และ 10. ด้านตรวจคนเข้าเมืองบูเก๊ะตา จังหวัดนราธิวาส โดยได้คำนึงถึงความพร้อมของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการตรวจลงตรา และปริมาณนักท่องเที่ยว จากทั้ง 18 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจที่มีปริมาณพอสมควรที่จะเดินทางผ่านช่องทางดังกล่าว ทั้งนี้ เชื่อว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวของประเทศที่ได้รับอนุญาตให้สามารถเดินทางผ่านเข้าออก ณ ด่านพรมแดน และส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน และตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาประเทศในภาพรวม
ทั้งนี้ สำหรับรายชื่อ 18 ประเทศ และ 1 เขตเศรษฐกิจ ที่สามารถขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางที่กระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด ได้แก่ 1. ราชรัฐอันดอร์รา 2. สาธารณรัฐบัลแกเรีย 3. ราชอาณาจักรภูฏาน 4. สาธารณรัฐประชาชนจีน 5. สาธารณรัฐไซปรัส6. สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย 7. สาธารณรัฐอินเดีย 8. สาธารณรัฐคาซัคสถาน 9. สาธารณรัฐลัตเวีย 10. สาธารณรัฐลิทัวเนีย 11. สาธารณรัฐมัลดีฟส์ 12. สาธารณรัฐมอลตา 13. สาธารณรัฐมอริเชียส 14. โรมาเนีย 15. สาธารณรัฐซานมารีโน 16. ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย 17.ไต้หวัน 18. ยูเครน 19. อุซเบกิสถาน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th