วันนี้ (12 ธ.ค. 57) เวลา 10.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ ห้อง Summit Roomชั้น 2 อาคาร Convention Hallศูนย์ประชุม BEXCO พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีสมัยพิเศษ ช่วงที่ 2 ในหัวข้อ “Discussion on Non-Traditional Security Issues” โดยเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ เน้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจัดการภัยพิบัติ โดยในส่วนของไทย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลง ดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากความร่วมมือระหว่างอาเซียนและเกาหลีใต้ด้านอื่น จะยกระดับ โดยเฉพาะการป้องกันและแก้ไขปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นผลพวงของความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี และการขยายตัวของความเชื่อมโยงในภูมิภาค เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด รวมถึงโรคติดต่อร้ายแรงและโรคอุบัติใหม่ เช่นอีโบลา
ทุกประเทศในภูมิภาคต้องร่วมมือกันเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคอีโบลา เพราะจากประสบการณ์การแพร่ระบาดของโรคซาร์และหวัดนกในอดีตแล้วว่า หากปล่อยให้เกิดการแพร่กระจายขึ้นที่ใด ก็จะส่งผลกระทบไปทั่วทั้งภูมิภาคได้และกลายเป็นวิกฤตความเชื่อมั่น ความหวาดกลัว และความตื่นตระหนก ซึ่งส่งผลให้การไปมาหาสู่และการติดต่อค้าขายหยุดชะงัก
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณทุกประเทศ ที่ส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสาม เรื่องการเตรียมความพร้อมและแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ ๑๕ ธันวาคมนี้ หวังว่าการประชุมจะนำไปสู่การขยายความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่เข้มแข็ง เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทุกคน
ปัจจุบัน ต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ดังเช่นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์น่าเศร้า สลดเกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง ได้แก่ไต้ฝุ่นฮากูปิดพัดผ่านฟิลิปปินส์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่มีการเตรียมความพร้อมและรับมืออย่างทันท่วงที และเหตุการณ์เรือประมงของเกาหลีใต้ล่มในทะเลแบริ่ง มีผู้เสียชีวิตและสูญหาย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความเสียใจในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทย ต่อประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นดังกล่าวด้วย
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะครบรอบ ๑๐ ปี การเกิดเหตุการณ์สึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นอุทธาหรณ์ว่า ทุกประเทศจะต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะเห็นแล้วว่า เพียงแค่ภัยพิบัติเดียวก็สามารถที่จะลบล้างความคืบหน้าในการพัฒนาเป็นเวลาหลายปีได้ หากไม่มีการเตรียมพร้อมรับมือที่ดีพอ
ไทยจึงได้ร่วมกับสหประชาชาติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในเรื่องการเตรียมความพร้อมรับมือและบรรเทาภัยพิบัติสำหรับภูมิภาคเอเชีย ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมระดับโลก ที่จะจัดขึ้นที่เมืองเซ็นได ประเทศญี่ปุ่นในต้นปี 2015 และพร้อมให้การสนับสนุนเกาหลีใต้อย่างเต็มที่เพื่อให้การประชุมน้ำโลก ครั้งที่ 7 ที่เกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพในปีหน้านี้ประสบความสำเร็จ
ปัจจุบัน ภูมิภาคยังคงเผชิญกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ทั้งที่เป็นธรรมชาติและไม่เป็นธรรมชาติ เช่น วาตภัย อุทกภัย หมอกควัน หรือการรั่วไหลของน้ำมันในทะเล ซึ่งนับวันยิ่งทวีทั้งความรุนแรงและความถี่ ส่งผลเสียต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
เกาหลีใต้มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นวัตกรรม และองค์ความรู้ในการรับมือกับปัญหาเหล่านี้ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำ การจัดการภัยพิบัติ พลังงานสะอาด และการเติบโตสีเขียว จึงหวังว่า จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับอาเซียนผ่านการถ่ายทอดแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ การฝึกอบรมบุคลากร และความช่วยเหลือรูปแบบต่าง ๆ
ไทยให้ความสำคัญต่อการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการพัฒนาและการเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกของภาคส่วนต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการผลักดันให้มีกฎหมายรองรับ ไทยและอาเซียนต้องการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเกาหลีใต้ ในเรื่องการลดก๊าซเรือนกระจก และการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาคเอกชนอาเซียน-เกาหลีใต้ สามารถเป็นผู้นำร่องเพื่อผลักดันไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง
อาเซียนมีพื้นที่ป่าเขตร้อนร้อยละ 15 ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพันธุ์พืชและสัตว์ป่าร้อยละ 20 ของโลก เป็นปอดของภูมิภาค ทำให้เกิดฝนและเป็นแหล่งน้ำ อาเซียนกับเกาหลีใต้มีความร่วมมือด้านป่าไม้ ในการจัดการและอนุรักษ์ป่าไม้ที่ยั่งยืน และการจัดตั้งองค์การความร่วมมือป่าไม้แห่งเอเชีย เรามุ่งมั่นที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนและภัยแล้ง ตลอดจนสร้างความเข้มแข็ง ในการปฏิบัติตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในการนี้ ไทยขอสนับสนุนเกาหลีใต้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมไฟป่าโลก ครั้งที่ 6 ในปี 2558 จึงหวังว่าจะมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และองค์ความรู้ด้านการจัดการภัยพิบัติจากไฟป่า เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวในอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป และเชื่อมั่นว่า ความตั้งใจแน่วแน่ที่จะร่วมมือกัน จะนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ความสัมพันธ์และความร่วมมืออาเซียน-เกาหลีใต้ ประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองและยั่งยืน เพื่อความผาสุกและผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองฝ่าย และของภูมิภาคโดยรวม
ที่มา: http://www.thaigov.go.th