รองโฆษกรัฐบาลเผยนายกรัฐมนตรีมอบก.ท่องเที่ยวฯ จัดประกวดภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้ประชาชนมีส่วนร่วมกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ

ข่าวทั่วไป Tuesday December 16, 2014 16:55 —สำนักโฆษก

วันนี้ (16 ธ.ค.57) เวลา 14.40 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) จัดให้มีการประกวดภาพถ่ายเกี่ยวกับธรรมชาติและสถานที่แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่น่าสนใจ รวมทั้งวิวทิวทัศน์ ดอกไม้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในประเทศไทยได้มีส่วนร่วมและรับรู้ถึงสถานที่และแหล่งท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศ และร่วมกันผลักดันธุรกิจการท่องเที่ยวออกไปยังต่างประเทศให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น

พร้อมฝากให้ไปดูในเรื่องการท่องเที่ยวตามแนวชายฝั่งที่เป็นเขตต่อเนื่องระหว่างไทย - เวียดนาม ซึ่งประเทศเวียดนามก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปหารือทำความตกลงกับประเทศเวียดนามว่าจะสามารต่อยอดอย่างไรได้จากที่นายกรัฐมนตรีได้เคยไปหารือร่วมกับผู้นำประเทศเวียดนามไว้ก่อนแล้ว

อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงตลาดชุมชนว่า ต้องการให้มีการดำเนินการในทุกพื้นที่ให้ตรงกับต้องการของประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางไปใช้บริการให้สะดวกมากขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกล รวมทั้งให้มีการควบคุมเรื่องราคาสินค้าต่าง ๆ ที่จำหน่ายในตลาดชุมชนให้มีราคาที่เหมาะสมเป็นธรรมประชาชนสามารถที่จะจับจ่ายและซื้อหาได้

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ได้ฝากในเรื่องของการแก้ไขปัญหาตลาดคลองถมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร เพราะหากจะมีการย้ายพื้นที่ไปก็อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันขึ้นได้อีก จึงขอให้ไปศึกษาและพิจารณาว่าสามารถที่จะดำเนินการเช่นเดียวกับที่มีการดำเนินการในต่างประเทศได้หรือไม่ โดยอาจจะมีการจัดการจำหน่ายสินค้าให้เป็นเวลา และมีการจัดระเบียบอุปกรณ์สินค้าต่าง ๆ เป็นโซนและพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งการที่ได้นำสิ่งที่มีการดำเนินการในต่างประเทศมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทยคาดว่าน่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับตลาดคลองถมไปได้ อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็นที่จะต้องย้ายพื้นที่ไปก็ขอให้ไปพิจารณาพื้นที่ที่มีความเหมาะสมรองรับไว้ด้วย และให้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้น เพื่อให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสีย รวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับหากต้องมีการปฏิรูปเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อให้สังคมไปด้วยกันและอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสงบสุขและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย นอกจากนี้ยังจะมีมาตรการเยียวยาสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย

ส่วนเรื่องของผู้ที่ทำผิดกฎหมายทั้งทางอาญา แพ่งหรือพาณิชย์ ตลอดจนกฎหมายเรื่องการหมิ่น โพสต์ข้อความต่าง ๆ นั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาหาแนวทางและวิธีการดำเนินการร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อหาวิธีการในการเรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเหล่านั้นกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติให้ได้ โดยจะต้องมีการชี้แจงและทำความเข้าใจให้ต่างประเทศได้เรียนรู้และรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่หลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศว่า ได้มีการกระทำความผิดในเรื่องใด รวมถึงทำร้ายคนไทยและทำผิดกฎหมายของประเทศไทยอย่างไร เพื่อที่จะให้เกิดผลต่อไปในอนาคตเกี่ยวกับการประสานความร่วมมือในการขอตัวบุคคลเหล่านั้นมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในโอกาสข้างหน้ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะต่างประเทศได้รับทราบแล้วว่าบุคคลดังกล่าวได้ทำอะไรไว้ เป็นต้น

สำหรับเรื่องการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต่างๆ ทั้งนักวิชาการ นักศึกษา ฯลฯ ที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐบาลและ คสช. นั้น นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้มีการสร้างความเข้าใจกับบุคคลดังกล่าวว่าถึงแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างก็ขออย่าให้เกิดการทะเลาะกัน หรือพูดจากกระทบกระทั่งกับอีกกลุ่มหรืออีกฝ่ายที่เห็นต่าง เพราะการกระทำดังกล่าวไม่เป็นการส่งเสริมต่อบรรยากาศของการปฏิรูปและการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี มีความเห็นว่ากลุ่มบุคคลที่เห็นต่างจากรัฐบาลและคสช.ทั้งนักวิชาการและนักศึกษานั้น เป็นผู้ที่มีแนวความคิดหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้นต้องทำความเข้าใจและเปิดเวทีให้สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เพราะบางเรื่องสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง

รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องการปฏิรูปของคณะภาคส่วนต่าง ๆ ของแม่น้ำทั้ง 5 สายว่า ทุกอย่างยังไม่ได้ข้อยุติ เป็นเพียงการเสนอแนวความคิดของภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีความคิดเห็นประกอบ เพราะฉะนั้นประชาชนและกลุ่มทั้งหลายในสังคมอย่าเพิ่งวิตกกังวลหรือแสดงพลังคัดค้านทั้งเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยต่อกรณีดังกล่าว เพราะการดำเนินการดังกล่าวยังมีขั้นตอนอีกมากกว่าจะได้ข้อยุติที่ชัดเจน ขณะเดียวกัน คสช. ยังต้องพิจารณาร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอีครั้งหนึ่ง ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความมั่นใจว่า ในท้ายที่สุดสิ่งที่ออกมาจะต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่สังคมตอบรับและเข้าใจได้ รวมทั้งสามารถมีเหตุผลอธิบายที่สังคมจะให้การยอมรับ

ขณะที่เรื่องเส้นทางเลียบเจ้าพระยาซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้เสนอว่า จากที่ได้ดูแล้วมีระยะห่างระหว่างระดับน้ำกับผิวถนนประมาณ 80 เซนติเมตร ซึ่งเรื่องของอุทกภัยต่าง ๆ ไม่มีความแน่นอนจึงต้องการให้เพิ่มระยะปลอดภัยให้มากขึ้น เพื่อรองรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นให้สามารถสัญจรไป-มา และแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ด้วย

ส่วนเรื่องการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับคสช. ที่ผ่านมาได้มีการสร้างการรับรู้ในการประชุมเดือนละ 1 ครั้ง แต่อาจจะทำให้ คสช.ไม่สามารถติดตามงานต่าง ๆ ได้ครบทุกเรื่อง โดยเฉพาะมติของคณะรัฐมนตรีที่เป็นไปตามที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน แม้ว่าหัวหน้าในส่วนต่าง ๆ ของคสช.จะเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ทำงานในรัฐบาลก็ตาม เพราะในส่วนของระดับผู้ขับเคลื่อนและผู้ปฏิบัติ ซึ่งเป็นระดับเจ้าหน้าที่อาจจะยังตามงานไม่ทัน เพราะฉะนั้นในการประชุมคณะรัฐมนตรีในแต่ละครั้ง คสช.จะต้องส่งผู้แทนที่เข้าใจเรื่องต่าง ๆ เข้ามาร่วมรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ทุกครั้งในการประชุมคณะรัฐมนตรี

ขณะที่เรื่องการพูดคุยเพื่อสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการปรับความเข้าใจซึ่งมีคำถามจากสื่อมวลชนจำนวนมากว่า เมื่อไรจะมีการหารือพูดคุยเรื่องดังกล่าว และเมื่อไรปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะจบนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะจบได้ภายใน 1- 2 วัน เพราะเป็นปัญหาที่สะสมมานานแล้ว โดยรัฐบาลซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีความชัดเจนแล้วในระดับนโยบาย ขณะที่ในระดับการขับเคลื่อนก็มี พลเอก อักษรา เกิดผล เป็นหัวหน้า และระดับประสานงานในพื้นที่มีแม่ทัพภาคที่4 ดำเนินการ นั่นหมายความว่าทางฝั่งเราพร้อมแล้ว แต่ฝั่งด้านผู้เห็นต่างที่จะมาพูดคุยกับเราพร้อมแล้วหรือยัง เพราะฉะนั้นผู้ที่เห็นต่างต้องไปรวมกลุ่มมาและหากครบแล้วก็ให้แจ้งไปทางประเทศมาเลเซีย เพื่อจะได้เป็นตัวกลางอำนวยความสะดวกในการพูดคุยเพื่อสันติสุขครั้งนี้ต่อไป ซึ่งทางเราพร้อมที่จะพูดคุยแล้ว

รวมทั้งได้กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ในระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติอย่าให้เข้าใจเฉพาะเรื่องของทางยุทธวิธีอย่างเดียว แต่ควรจะต้องรู้ในเรื่องราวที่เป็นระดับยุทธการหรือเรื่องยุทธศาสตร์บางส่วนด้วย เพราะการถืออาวุธเข้าไปในพื้นที่เพื่อรับมอบภารกิจหนึ่งอย่าง หากไม่ทราบหรือรู้เรื่องยุทธศาสตร์หรือยุทธการจะทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการไปบางครั้งไม่ตรงและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ แต่หากรู้ทั้งเรื่องยุทธการและยุทธศาสตร์ ก็จะทำให้คำอธิบายหรือพูดจาคำนึงถึงวัตถุประสงค์โดยรวมของหลักยุทธศาสตร์ที่จะทำให้การปฏิบัติงานเป็นได้ด้วยความเรียบร้อยและง่ายขึ้น รวมถึงประชาชนในพื้นที่ก็มีความเข้าใจมากขึ้น ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาในภาพรวมก็ดีขึ้นไม่เกิดความรู้สึกหวาดระแวงต่อกัน ขณะเดียวกันผู้ที่เห็นขัดแย้งก็ไม่สามารถฉกฉวยเรื่องราวเหล่านี้นำไปสร้างประโยชน์และบิดเบือนสิ่งที่เจ้าหน้าที่พยายามจะดำเนินการได้

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวให้กำลังใจกับคณะรัฐมนตรีว่า ทุกคนที่ทำงานนายกรัฐมนตรีทราบว่ามีความเหนื่อยยาก นอกจากมาตรการที่ออกมาแล้วบางครั้งไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีปัจจัยทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่ทำให้มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาอาจจะเป็นผลเพียง 70 – 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ขอให้ทุกคนตั้งใจทำต่อไป และต้องทำให้ได้ อย่ารอช้าและอย่ากลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าทุจริต ถ้าทุกคนตั้งใจที่จะสุจริต ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของคณะรัฐมนตรีและข้าราชการประจำทุกคน

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ