วันนี้ (19 ธ.ค.57) เวลา 12.20 น. ณ บริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) ครั้งที่ 5/2557 ว่า คณะกรรมการ ฯ ได้สรุปปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขข้าวค้างสต็อกในคลังกลางทั้งหมด รวม 17.963 ล้านตัน แยกเป็น 1.ข้าวผ่านมาตรฐาน 2.197 ล้านตัน (12.23%) 2.ข้าวไม่ตรงตามมาตรฐาน 14.405 ล้านตัน (80.19%) 3.ข้าวเสีย 0.694 ล้านตัน (3.86%) 4.ข้าวผิดชนิด 0.068 ล้านตัน (0.38%) และ 5.ข้าวกองล้ม/ข้าวที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ 0.599 ล้านตัน (3.34%) โดยคิดเป็นตัวเลขขาดทุนจำนวน 6.8 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จะต้องมีการดำเนินคดีอาญาและทางแพ่งสำหรับข้าวที่ไม่ผ่านมาตรฐานและข้าวเสีย ซึ่งทั้งหมดได้นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ส่วนการระบายข้าว นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่า จะไม่ขาดทุนในเชิงนโยบายเพราะไม่ได้ทำโครงการรับจำนำข้าว แต่ในทางปฏิบัติจะต้องช่วยกันไม่ให้เกิดการทุจริต โดยจะมีการเปิดประมูลข้าวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะมีหลักประมูลแบบยกคลัง หรือแยกขายเป็นประเภท ทั้งนี้ จะมีการตั้งราคากลางจากข้อมูลเพื่อกำหนดราคาขั้นต่ำต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปถึงระยะเวลาในการระบายข้าวค้างสต็อกว่า จะพยายามใช้ระยะเวลาไม่เกิน 2 - 3 ปี ซึ่งต้องวางแผนบริหารจัดการข้าวให้แล้วเสร็จ ทั้งนี้ ขออย่ามองถึงการระบายข้าวเพียงอย่างเดียวแต่ขอให้ยกระดับการระบายข้าวให้ดีขึ้นด้วย เพราะปัจจุบันข้าวล้นตลาดแต่ไม่มีคุณภาพและในขณะนี้ราคาตลาดข้าวไทยสูงกว่าเวียดนาม และเชื่อว่าข้าวไทยมีแนวโน้มจะขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในตลาดโลกได้ ซึ่งจะเพิ่มการค้าขายภายในประเทศ โดยเปิดตลาดข้าวภายในประเทศลักษณะตลาดเกษตรกร ให้เกษตรกรซื้อขาย - ข้าวกันเองในชุมชน
ทั้งนี้ ในช่วงเย็นวันนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงนาม เอ็มโอยู กับ นายหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ เรื่องโครงการรถไฟทางคู่ และเรื่องข้าวแบบรัฐต่อรัฐ จำนวน 2 ล้านตันโดยเป็นข้าวที่ออกในฤดูกาลผลิตครั้งใหม่และอาจเป็นข้าวเก่าบางส่วน
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th