วันนี้ (24 ธ.ค.57) เวลา 09.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล มุขนายก หลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกฯ และคณะ เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ผู้นำศาสนาคริสต์ทั้ง 5 สังกัด ร่วมกันขอพรจากพระเจ้ามอบแด่นายกรัฐมนตรี เนื่องในเทศกาลคริสตมาส และเพื่อเป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลในการเสริมสร้างคุณธรรมขับเคลื่อนและผลักดันค่านิยม 12 ประการของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งเพื่อประโยชน์ในการประสานงานร่วมกันในงานด้านฟื้นฟูคุณธรรม พร้อมรับฟังนโยบาย แนวคิด และข้อเสนอแนะเพื่อให้องค์การศาสนาคริสต์ร่วมมือกับรัฐบาลทำงานเพื่อประเทศชาติ
มุขนายก หลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกฯ กล่าวว่า องค์การศาสนาคริสต์ได้เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย เป็นระยะเวลามากกว่า 400 ปี แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้นำคริสตศาสนจักรและราชอาณาจักรไทยมาจนถึงปัจจุบัน บรรดามิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนา ได้นำความเชื่อ ความศรัทธา ความรู้ ความก้าวหน้าทางศิลปะวิทยาการ รวมไปถึงวิถีชีวิต การดำเนินงานในรูปแบบขององค์กรและสถาบันต่าง ๆ ที่เป็นคุณค่าของพระธรรมคำสอนของคริสต์ศาสนา มาร่วมพัฒนาประเทศไทยเสมอมา ที่เห็นเด่นชัดเป็นรูปธรรม คือ งานด้านการอบรมศึกษา งานด้านอภิบาลสังคมและการพัฒนา และงานด้านการแพทย์ อนามัย และสาธารณสุข โดยยึดหลักเพื่อประโยชน์และพัฒนาคนไทยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีเป็นสำคัญ
ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกฯ กล่าวต่อไปว่า จำนวนผู้นับถือศาสนาคริสต์ในประเทศมีไม่มาก แต่คริสตชนไทยสำนึกเสมอว่า “ตนเองเป็นคนไทย” มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แม้คริสตชนไทยจะยึดหลักธรรมคำสอนของศาสนาคริสต์เป็นหลักในการดำเนินชีวิต แต่ความเป็นคนไทย เรียกร้องให้คริสตชนไทยทุกคนสำนึกถึงการรักความเป็นไทย ด้วยการแสดงออกด้วยความรักชาติอย่างเป็นรูปธรรม โดยแสดงเจตนารมณ์ที่จะร่วมมือ ร่วมใจ เป็นหนึ่งเดียวกับรัฐบาลแก้ไขปัญหาประเทศ สร้างความเป็นเอกภาพในหมู่คนไทย ร่วมพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้า พร้อมกับมุ่งส่งเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมตามนโยบายเสริมสร้างค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ และร่วมมือพัฒนาให้บรรดาศาสนิกเป็นพลเมืองดีของประเทศต่อไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลและคนไทยทุกคนขอขอบคุณคณะผู้นำศาสนาคริสต์สำหรับคำอวยพรเนื่องในเทศกาลคริสตมาส พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคง ประชาชนมีความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือความร่วมมือทางด้านจิตใจของคนไทยทุกคน โดยศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนมีความเมตตา ให้คนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปันกัน วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องความรักความสามัคคี และสิ่งที่เป็นปัญหาหลักคือ การศึกษา และสาธารณสุข รัฐบาลจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้คณะผู้นำองค์กรคริสต์ได้สนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องความมั่นคง ทำให้คนไทยมีความรัก ความสามัคคี ลดความเหลื่อมล้ำในด้านต่าง ๆ ไม่ขยายความขัดแย้งในหมู่คนไทย และกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ไม่ใช่การทำสงคราม แต่เป็นความขัดแย้ง และความเห็นต่าง ต้องแก้ไขปัญหาด้วยความสงบและสันติ ต้องยึดถือกฎหมายเป็นหลักตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งคริสตจักรถือเป็นองค์กรขนาดใหญ่มีการบริหารงานที่ดีต้องขยายออกไป โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาต้องสอนให้คนเคารพกฎหมาย เชื่อในกระบวนการยุติธรรม เคารพซึ่งกันและกันอย่างมีศักดิ์ศรี เคารพในความคิด และความเห็นต่าง รู้จักให้อภัยกับบุคคลที่ควรให้อภัย ต้องช่วยกันสร้างคุณธรรม จริยธรรม โดยอธิบายให้คนมีความเข้าใจมากขึ้น ป้องกันการทุจริต คอรัปชั่น และทำผิดกฎหมาย เพื่อยกระดับประเทศให้หลุดพ้นกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งรัฐบาลจะเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องความมั่นคง ความมีเสถียรภาพ และสร้างความรับรู้กับต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีแบบยั่งยืนต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th