วันนี้ (24ธ.ค.57) เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดงานการลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ภายใต้ชื่อ “เทใจ คืนสุข สู่ประชาชน” เพื่อส่งเสริมกิจกรรมช่วยเหลือประชาชนในการลดภาระค่าครองชีพในภาวะปัจจุบัน ตามนโยบายรัฐบาลในการคืนความสุขเป็นของขวัญให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับภาคเอกชน อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ ห้างค้าส่งและปลีกทุกประเภท จัดกิจกรรมลดราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคครั้งใหญ่ซึ่งเป็นการลดราคาสินค้าทุกชนิดมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านในทุกสาขาทั่วประเทศ ประมาณ 12,800 สาขา ระหว่างวันที่ 24 – 30 ธันวาคม 2557 โดยมี พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารระดับสูงของส่วนราชการและภาคเอกชน ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้ารายใหญ่ อาทิ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท คลอเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เซลล๊อกซ์ จำกัด บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งผู้ประกอบการค้าปลีค้าส่ง เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและกลุ่มบริษัทในเครือ เดอะมอลล์ เทสโกโลตัส บิ๊กซี แม็กโคร เซเว่นอีเลฟเว่นฯ เป็นต้น ตลอดจนสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน
ทั้งนี้ในการเปิดงานการลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้มีการจัดพื้นที่สำหรับจัดแสดงตัวอย่างสินค้าลดราคาจากห้างร้านและผู้ผลิตต่าง ๆ ดังกล่าวด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการจัดงานว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้หน่วยงานราชการจัดกิจในเดือนธันวามหามงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจัดกิจกรรมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน และคืนความสุขให้ประชาชนทั้งประเทศ กระทรวงพาณิชย์จึงได้ดำเนินการจัดงานลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ภายใต้ชื่องานที่ใช้สัญลักษณ์ “เทใจ..คืนสุข..สู่ประชาชน” โดยได้บูรณาการร่วมกับภาคเอกชนทุกภาคส่วน ประกอบด้วยผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ กลุ่ม ซีพี กลุ่มไทยเบฟ และกลุ่มสหพัฒน์ และผู้ผลิตจำหน่ายขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมาก รวมทั้งห้าค้าปลีกและค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ ประมาณ 15 ราย อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล เทศโก้โลตัส บิ๊กซี แม็คโคร เดอะมอลล์ เซเว่นอีเลฟเว่น และแฟมิลี่มาร์ท เป็นต้น โดยกำหนดระยะเวลาการจัดงาน ตั้งแต่วันที่ 24 – 30 ธันวาคม 2557 รวม 7 วัน ซึ่งเป็นการลดราคาจำหน่ายสินค้าครั้งใหญ่มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในทุกสาขาทั่วประเทศ โดยลดราคาสินค้าทุกชั้น ทุกแผนกสูงสุดร้อยละ 70 เช่น สินค้าอุปโภคบริโภคและของใช้ในชีวิตประจำวัน ลดราคาร้อยละ 10 – 70 เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ลดราคาร้อยละ 30 – 60 เครื่องใช้ไฟฟ้าลดราคาสูงสุดร้อยละ 70 ของขวัญ/ของตกแต่งลดราคาร้อยละ 30 -70 และเครื่องเขียนลดราคาร้อยละ 30 -70 เป็นต้น
ทั้งนี้การจัดงาน “เทใจ..คืนสุข..สู่ประชาชน” ในช่วงสัปดาห์ดังกล่าวจากข้อมูลของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย คาดว่าจะมียอดจำหน่ายสินค้าประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งการที่รัฐบาลจัดงานลดราคาสินค้าครั้งนี้จะช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยได้ประมาณร้อยละ 30 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ทำให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าในปริมาณมากขึ้นหรือซื้อสินค้าในประมาณเท่าเดิมแต่ใช้จ่ายเงินลดลง ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนให้มากขึ้น ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น เสริมสร้างบรรยากาศทางการค้า ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้นเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวเพิ่มอย่างมีเสถียรภาพ และสร้างความปรองดองโดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อคืนความสุขเป็นของขวัญปีใหม่ให้ภาคประชาชนตามนโยบายรัฐบาล
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า การจัดงานลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนภายใต้ชื่อ “เทใจ คืนสุข สู่ประชาชน” ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับภาคเอกชน อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ ห้างค้าส่งและปลีกทุกประเภท ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจภาคเอกชนดังกล่าวถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้มีความเข้มแข็งในอนาคต ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งไว้ว่า ถ้าทุกคนทำงานในหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดแล้วประเทศชาติก็เข้มแข็งและแข็งแรงได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นในส่วนของรัฐบาลก็มีหน้าที่ในการที่จะสนับสนุนส่งเสริมและดูแลกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ทุกภาคส่วน และประชาชน ให้ได้รับความสะดวกและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยมีหน่วยงานภาครัฐนำนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการดำเนินการต่าง ๆ ของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันในการสร้างกลไกห่วงโซ่ที่จะพัฒนาประเทศ ซึ่งดำเนินการจัดงานลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนถือว่าทุกภาคส่วนได้มาเริ่มต้นการเป็นห่วงโซ่แห่งความเชื่อมโยงระหว่างกันของประเทศไทย อย่างไรก็ตามนอกจากรัฐบาลร่วมมือกับภาคเอกชนจัดงานลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนแล้ว รัฐบาลยังได้ดำเนินการต่าง ๆ ให้กับประชาชนอีกหลายเรื่องแบ่งเป็นมาตรการระยะสั้น กลาง และระยะยาว รวมถึงมาตรการเร่งด่วน มาตรการชั่วคราว ตลอดจนมาตรการที่จะดำเนินการให้เกิดความยั่งยืนในอนาคตเพื่อส่งต่อให้กับรัฐบาลชุดต่อไป ทั้งนี้การจัดงานลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนครั้งนี้ถือเป็นการลดราคาครั้งยิ่งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ในประเทศไทย และเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้มาเริ่มต้นในการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันระหว่างกัน อย่างไรก็ตามต้องการให้มีการสร้างประวัติศาสตร์ในเรื่องดีๆ เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกิจกรรมตามโอกาสที่เหมาะสม เพื่อจะได้ช่วยกันขับเคลื่อนประเทศชาติและเศรษฐกิจให้เกิดความยั่งยืน โดยธุรกิจต่าง ๆ ทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็กหรือ SMEs มีการเชื่อมโยงกันเป็นห่วงโซ่ รวมทั้งสามารถเข้าถึงกองทุน และการสร้างความเข้มแข็ง ตลอดจนสามารถพัฒนาวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกหรือเป็นหุ้นส่วนในด้านต่าง ๆ ระหว่างกันได้ ทั้งหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ธุรกิจ และความมั่นคง เป็นต้น
ขณะเดียวกันการจัดงานในครั้งนี้ ยังถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะสร้างบรรยากาศ ความปรองดอง โดยเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ คือ กระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน ประกอบด้วย ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้า ผู้ประกอบการค้าปลีก ในการจัดงานที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้ภาคประชาชนได้รับประโยชน์ และเป็นการสร้างความสุขช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2558 เพื่อให้ปีใหม่นี้ เป็นการเริ่มต้นชีวิตที่มีความสุขของพี่น้องประชาชนคนไทย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลและประเทศไทยว่า ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2015 – 2020 หรือภายใน 5 ปี จะต้องเป็นประเทศที่มีความมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ซึ่งเรื่องนี้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนต้องช่วยกันที่จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยมีความมั่นคง ประชาชนมีความมั่งคั่ง และยั่งยืน
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ร่วมมือกันจัดงานนี้ขึ้น เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีความร่วมมือในการดำเนินการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติในโอกาสต่อไปด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการจัดแสดงตัวอย่างสินค้าลดราคาจำหน่ายจากห้างร้านและผู้ผลิต ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี พร้อมสอบถามด้วยความสนใจ
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th