ทำเนียบรัฐบาล--9 ต.ค.--บิสนิวส์
เช้าวันนี้ (วันที่ 9 ตุลาคม 2540) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้พบปะและหารือข้อราชการกับประธานกองทุนเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเลของญี่ปุ่น หรือ OECF และประธานบริษัทชั้นนำที่สำคัญของญี่ปุ่นทางด้านยานยนต์ และอิเลคทรอนิกส์ 4 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัทฮอนด้า มอเตอร์ 2. บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ 3. บริษัทมิตซูบิชิ คอร์เปอร์เรชั่น 4. บริษัทมิตซุย จำกัด ภายหลังการหารือนายวราเทพ รัตนากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าว สรุปได้ดังนี้
ประธานกองทุน OECF ได้กล่าวยืนยันความมั่นใจในเศรษฐกิจของไทยที่เป็นอยู่ขณะนี้ ว่าจะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้เนื่องจากมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี และกองทุน OECF มีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนแก่ประเทศไทยต่อไป เพื่อการพัฒนาชนบทและการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของไทย โดยล่าสุดกองทุน OECF ได้ให้เงินกู้งวดที่ 22 แก่ประเทศไทย เพราะได้พิจารณาเห็นว่าที่ผ่านมาไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่ OECF ได้จัดอันดับอยู่ในชั้นดีจากจำนวน 80 ประเทศที่ OECF ให้เงินกู้
ในการนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจและการปรับลดงบประมาณรายจ่ายของไทยว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อโครงการพัฒนาแต่อย่างใด เพราะทราบถึงเจตนารมณ์ของกองทุน OECF ที่ได้ให้สนับสนุนไทยมาโดยตลอด และขอขอบคุณในโอกาสนี้ด้วย
ในส่วนของประธานและผู้บริหารสูงสุดของ 4 บริษัทข้างต้นที่มีการลงทุนในเมืองไทยต่างก็ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจของไทยว่าจะสามารถกลับสู่สถานะปกติได้ในเวลาอันสั้นนี้ พร้อมทั้งยินดีที่จะให้การสนับสนุนทุก ๆ ด้านต่อรัฐบาลไทย รวมถึงบริษัทสาขาในเมืองไทยเพื่อการเพิ่มผลผลิตและเพิ่มการส่งออกให้มากขึ้นซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเสนอแนวทางร่วมมือที่ดีต่อกันเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
อนึ่ง ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนายกรัฐมนตรีและคณะมีกำหนดจะพบกับตัวแทนบริษัทอีกหลายแห่ง หลังจากเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น และจะได้การกล่าวสุนทรพจน์แก่ 5 องค์กรของสมาพันธ์เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในงานเลี้ยงรับรองอาหารกลางวันด้วย และหลังจากนั้นจะได้ร่วมหารืออย่างเป็นทางการกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในเวลา 18.00 น. ต่อไป--จบ--
เช้าวันนี้ (วันที่ 9 ตุลาคม 2540) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้พบปะและหารือข้อราชการกับประธานกองทุนเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเลของญี่ปุ่น หรือ OECF และประธานบริษัทชั้นนำที่สำคัญของญี่ปุ่นทางด้านยานยนต์ และอิเลคทรอนิกส์ 4 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัทฮอนด้า มอเตอร์ 2. บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ 3. บริษัทมิตซูบิชิ คอร์เปอร์เรชั่น 4. บริษัทมิตซุย จำกัด ภายหลังการหารือนายวราเทพ รัตนากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าว สรุปได้ดังนี้
ประธานกองทุน OECF ได้กล่าวยืนยันความมั่นใจในเศรษฐกิจของไทยที่เป็นอยู่ขณะนี้ ว่าจะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้เนื่องจากมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี และกองทุน OECF มีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนแก่ประเทศไทยต่อไป เพื่อการพัฒนาชนบทและการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของไทย โดยล่าสุดกองทุน OECF ได้ให้เงินกู้งวดที่ 22 แก่ประเทศไทย เพราะได้พิจารณาเห็นว่าที่ผ่านมาไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่ OECF ได้จัดอันดับอยู่ในชั้นดีจากจำนวน 80 ประเทศที่ OECF ให้เงินกู้
ในการนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจและการปรับลดงบประมาณรายจ่ายของไทยว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อโครงการพัฒนาแต่อย่างใด เพราะทราบถึงเจตนารมณ์ของกองทุน OECF ที่ได้ให้สนับสนุนไทยมาโดยตลอด และขอขอบคุณในโอกาสนี้ด้วย
ในส่วนของประธานและผู้บริหารสูงสุดของ 4 บริษัทข้างต้นที่มีการลงทุนในเมืองไทยต่างก็ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจของไทยว่าจะสามารถกลับสู่สถานะปกติได้ในเวลาอันสั้นนี้ พร้อมทั้งยินดีที่จะให้การสนับสนุนทุก ๆ ด้านต่อรัฐบาลไทย รวมถึงบริษัทสาขาในเมืองไทยเพื่อการเพิ่มผลผลิตและเพิ่มการส่งออกให้มากขึ้นซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเสนอแนวทางร่วมมือที่ดีต่อกันเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
อนึ่ง ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนายกรัฐมนตรีและคณะมีกำหนดจะพบกับตัวแทนบริษัทอีกหลายแห่ง หลังจากเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น และจะได้การกล่าวสุนทรพจน์แก่ 5 องค์กรของสมาพันธ์เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในงานเลี้ยงรับรองอาหารกลางวันด้วย และหลังจากนั้นจะได้ร่วมหารืออย่างเป็นทางการกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในเวลา 18.00 น. ต่อไป--จบ--