นายอำเภอตากใบกล่าวรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอตากใบว่า ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรงในช่วงระหว่างวันที่ 14 ธันวาคมจนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดฝนตกหนัก ส่งผลกระทบต่อประชาชนใน 8 ตำบล 52 หมู่บ้าน 4,432 ครัวเรือน 13,279 คน บ้านเรือนเสียหาย 174 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 13,191 ไร่ ภาพรวมความเสียหายถือเป็นอุทกภัยที่หนักที่สุดของอำเภอตากใบในรอบ 47 ปี มีระดับน้ำสูงจาก ตลิ่งถึง 2.40 เมตร สำหรับการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น อำเภอตากใบร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยมอบถุงยังชีพให้ประชาชน พร้อมทั้งดำเนินการซ่อมแซมเส้นทางคมนาคมในการสัญจรไปมา รวมไปถึงอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว
ภายหลังรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นจะเร่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชน ขณะที่ระยะยาวได้วางแนวทางไว้แล้ว แต่ขอให้ทุกคนร่วมมือ สถานการณ์ในพื้นที่ต้องสงบ ไม่มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ โดยขอให้พูดคุยกันให้เรียบร้อยเพื่อหาทางออก ทั้งนี้ เพื่อเตรียมการพัฒนาอย่างเป็นระบบตามแผนยุทธศาสตร์ 2015 - 2020 ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมาประเทศชาติหยุดชะงักมามากแล้ว หลังจากนี้จะต้องเร่งเดินหน้า สิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการคือสร้างความสงบสุขในพื้นที่ภาคใต้และจังหวัดต่างๆ ต้องไม่มีการใช้อาวุธสงคราม รวมถึงจะต้องมีความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน วางระบบเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและสร้างเศรษฐกิจชุมชน มีตลาดในการกระจายสินค้าในพื้นที่
สำหรับปัญหาราคายางตกต่ำรัฐบาลได้พยายามเร่งแก้ไขปัญหาเช่นกัน ขอให้ประชาชนอย่าเคลื่อนไหวชุมนุม ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือจะช่วยทั้งผู้ปลูกและผู้กรีดยาง โดยจะมีการตั้งโรงงานขนาดใหญ่ 6-7 โรงงาน แปรรูปเพิ่มมูลค่ายาง พร้อมจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ มีศูนย์กระจายสินค้า ขอให้ทุกคนช่วยกันร่วมมือกับรัฐบาลด้วย เพราะตนทำงานไม่ต้องการอะไรมีหัวใจให้ทุกคน จึงขอเวลาให้รัฐบาลได้ทำงานบ้าง พร้อมกล่าวปิดท้ายว่าวา "น้ำมาเดียวก็ไป แต่น้ำใจอยู่กับท่าน"
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
นราวุธ / รายงาน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th