นายวิมล จันทรโรทัย รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมาธิการความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-รัสเซีย เมื่อวันที่ 27พฤศจิกายน 2557 ณ กระทรวงเกษตร กรุงมอสโคว์ สหพันธรัฐรัสเซีย ว่า ผลการหารือร่วมกับฝ่ายรัสเซีย นำโดย Mr. ILYA Shestakov (อิลย่า เชลตาคอฟ) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรของรัสเซียนั้น เน้นเรื่องความร่วมมือระหว่างไทยและรัสเซีย โดยรัสเซียมีความต้องการขยายโอกาสทางการค้าด้านการเกษตรกับไทยให้มากขึ้นในปีต่อไป และมีความยินดีในการต้อนรับการเปิดตลาดการลงทุนภาคการเกษตรจากไทย ซึ่งในขณะนี้เริ่มมีบริษัทในไทยไปลงทุนทางตอนใต้ของรัสเซียแล้ว
ด้านความร่วมมือเกี่ยวกับการประมงนั้น เนื่องจากการค้าด้านการประมงมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และทางรัสเซียมีความต้องการให้มีความหลากหลายของสินค้าประมงเพิ่มขึ้นในตลาด ประกอบกับต้องการขยายกรอบความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญและการวิจัยด้านการประมง และความคืบหน้าด้านความปลอดภัยอาหาร ซึ่งรัสเซียจะเร่งประกาศผลการตรวจ และขึ้นทะเบียนสถานผู้ประกอบการที่ผ่านการรับรองแล้วให้เร็วที่สุด รวมไปถึงความร่วมมือด้านวิชาการที่รัสเซียขอให้ไทยจัดส่งรายละเอียดโครงการด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การบริหารจัดการน้ำและชลประทาน และการบริหารจัดการแมลง ศัตรูพืชเพื่อลดการใช้สารเคมี ให้กับฝ่ายรัสเซีย เพื่อรัสเซียจะได้แจ้งหน่วยงานหรือผู้เชี่ยวชาญของรัสเซียติดต่อประสานงานเรื่องดังกล่าวโดยตรงกับฝ่ายไทยต่อไป
นอกจากนี้ได้มีการประชุมหารือกรอบความร่วมมือ 3 ฉบับ คือ 1. MOU ด้านการเกษตร 2.ข้อตกลงด้านสุขอนามัยประมง และ 3.ข้อตกลงด้านคุณภาพและสุขอนามัยการนำเข้าส่งออกธัญพืชและผลิตภัณฑ์ โดยรัสเซียเห็นด้วยกับกรอบความร่วมมือทั้งสามฉบับ แต่ขอให้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินการโดยรวมที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายสามารถนำมาพิจารณาร่วมกันเพิ่มเติมได้ เพื่อรองรับการรวมตัวกันของรัสเซีย คาซักสถาน เบรารุส และอัลมาเนียเป็นยูเรเชียในปี 2558 อันจะทำให้ความร่วมมือและโอกาสของสินค้าเกษตรไทยขยายผลกว้างขึ้น ทั้งนี้กรอบความร่วมมือทั้งสามฉบับ คาดว่าจะมีการลงนามในช่วงเดือนมีนาคม 2558 ซึ่งฝ่ายไทยได้เชิญฝ่ายรัสเซียให้ไปประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการเกษตรที่ประเทศไทย เพื่อดำเนินการให้ทันกรอบเวลา โดยรัสเซียจะมอบหมายเจ้าหน้าที่เพื่อทำหน้าที่ประสานกับ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ(มกอช.)โดยตรง เพื่อความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาด้านสุขอนามัยสินค้าเกษตรระหว่างกัน
“การประชุมครั้งนี้รัสเซียได้เน้นโอกาสในการขยายความร่วมมือให้กว้างขึ้น และตามกรอบยูเรเชียที่จะเกิดขึ้นจึงต้องการให้ MOU เป็นกรอบกว้างไว้ก่อนเพื่อที่จะได้เป็นมาตรฐานเดียวที่ใช้กับทุกประเทศ รัสเซียเน้นเรื่องประมงในครั้งนี้มาก จึงเป็นโอกาสที่ฝ่ายไทยจะเปิดตลาดสินค้าประมงให้มากขึ้น แต่ต้องควบคุมคุณภาพความปลอดภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานของรัสเซีย การที่รัสเซียจะมอบหมายผู้รับผิดชอบให้ประสานงานกับ มกอช. โดยตรงจะทำให้การแก้ไขปัญหาด้านสุขอนามัยรวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น รัสเซียเห็นด้วยกับกรอบเวลาที่จะให้มีการลงนามทั้งสามฉบับ ดังนั้นฝ่ายไทยควรเร่งรัดและเป็นฝ่ายผลักดันมากกว่าที่จะรอฝ่ายรัสเซีย เพื่อขยายความร่วมมือให้เร็วขึ้น” นายวิมลกล่าว
กลุ่มโฆษกและวิเคราะห์ข่าว กองเกษตรสารนิเทศ
สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
โทร 02-2810859 แฟกซ์ 02-2822871
moacnews@gmail.com
www.moac.go.th
www.facebook.com/kasetthai
ที่มา: http://www.thaigov.go.th