นายกรัฐมนตรีเน้นให้โครงการขนาดใหญ่ของรัฐต้องใช้นวัตกรรมไทย ให้เร่งรัดปรับปรุงกระบวนการส่งเสริมนวัตกรรมผ่านมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเอกชนใช้สิทธิประโยชน์

ข่าวทั่วไป Friday January 9, 2015 16:01 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ เน้นให้โครงการขนาดใหญ่ของรัฐต้องใช้นวัตกรรมไทย เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน พร้อมเร่งรัดปรับปรุงกระบวนการส่งเสริมนวัตกรรมผ่านมาตรการภาษีให้คล่องตัวกว่าเดิม เพื่อกระตุ้นให้เอกชนใช้สิทธิประโยชน์มากขึ้น

วันนี้ (9 ม.ค.58) เวลา 10.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ ครั้งที่ 1/2558 ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 112/2557 เพื่อหารือแนวทางการจัดการและพัฒนาระบบนวัตกรรมของไทย ในการแก้ไขปัญหาความทับซ้อนของหน่วยงาน การมีผลงานวิจัยขึ้นหิ้งจำนวนมากที่ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ การขาดกลไกการเชื่อมโยงระหว่างผลงานวิจัยและนวัตกรรมกับการแปลงผลงานไปสู่เชิงพาณิชย์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของไทย รวมทั้งการสร้างตลาดภาครัฐเพื่อรองรับนวัตกรรมที่พัฒนาโดยภาคเอกชน ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ประเทศไทยติดกับดักรายได้ปานกลาง และไม่สามารถก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีรายได้สูงได้

โดยมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายพิเชษฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

ภายหลังการประชุม เวลา 13.10 น. ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงผลการประชุม ร่วมกับ นายพิเชษฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สรุปสาระสำคัญดังนี้

ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอการพัฒนาระบบนวัตกรรมไทย เพื่อศึกษาสถานภาพ ปัญหา มาตรการเร่งด่วน และจัดทำข้อเสนอแนะการพัฒนาระบบนวัตกรรมไทย ตลอดจนกลไกการเชื่อมโยงโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศและตลาดภาครัฐ เข้ากับการพัฒนาความเข้มแข็งของภาคการผลิตและบริการ เพื่อเพิ่มผลิตภาพของผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างยั่งยืน และมุ่งสู่การเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยจัดตั้งโครงการวิจัยขนาดใหญ่ (Grand Challenges) ที่มีพลังร่วมกันระหว่างนักวิจัยทั่วประเทศ และร่วมกับต่างประเทศ ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการนำพาประเทศไทยไปสู่ประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้เกิดการค้ำจุนกัน และสร้างสรรค์สังคมไทย ซึ่งได้แต่งตั้ง นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมเป็นอนุกรรมการฯ

มาตรการเร่งด่วนที่สามารถดำเนินการได้ทันที ได้เห็นชอบให้ปรับปรุงกระบวนการให้สิทธิประโยชน์ผ่านมาตรการภาษีเพื่อการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมให้คล่องตัวขึ้น โดยให้การรับรองบริษัทเอกชนแทนการรับรองรายโครงการ ทั้งนี้ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล) รับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง และเห็นชอบในหลักการให้เร่งรัดการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดาสำหรับเงินบริจาคเข้ากองทุนที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมให้รวดเร็วขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรับผิดชอบสังคมของภาคเอกชน ลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับความสามารถของ SME ชุมชน และสังคมผ่านงานวิจัย ที่ช่วยทำให้บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนาเป็น 1% ของ GDP

ในส่วนของการสร้างตลาดนวัตกรรมภาครัฐ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการนำผลงานวิจัยและพัฒนามาใช้ประโยชน์ภาคเศรษฐกิจ แต่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาล เพื่อลด “งานวิจัยขึ้นหิ้ง” และเพิ่มช่องทางให้มีหน่วยงานที่เป็นผู้ซื้อหรือรับผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะทำงานกำหนดความต้องการของภาครัฐที่สามารถใช้สินค้าและนวัตกรรมไทยทำงานขนานกับคณะทำงานจัดทำข้อเสนอนโยบายการสร้างตลาดสินค้านวัตกรรมในหน่วยงานภาครัฐ โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯ เพื่อให้มีการดำเนินมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขระเบียบพัสดุ พ.ศ. 2535 ของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยควรมีการระบุให้สินค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานภายในประเทศ สามารถจัดซื้อจัดจ้างสินค้าที่มีราคาเกิน 100,000บาท ได้โดยตรงผ่าน “วิธีพิเศษ” โดยให้ครอบคลุมถึงพัสดุหรือสินค้าที่มีการทำนวัตกรรมในประเทศที่มีสมรรถนะเชิงเทคนิคตรงตามการใช้งาน มีมาตรฐานเทียบเคียง มีความปลอดภัย และเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานราชการ นอกจากนี้ เพื่อเป็นมาตรการระยะยาวที่เชื่อมโยงอุปสงค์ และอุปทานของตลาดเข้าด้วยกัน จึงให้คณะทำงานฯ ไปศึกษา วิเคราะห์สถานภาพ กฎหมาย กฎระเบียบ นโยบาย และข้อจำกัดของการจัดซื้อจัดจ้างสินค้านวัตกรรมภาครัฐ ตลอดจนข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อสนับสนุนความก้าวหน้าของระบบนวัตกรรมของประเทศ

โดยทั้งหมดนี้ จะเน้นให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาล รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และให้มีการรายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาระบบนวัตกรรมไทยใน 1 เดือนข้างหน้า

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ