รองโฆษกรัฐบาลเผยนายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดงานวันเด็กฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ข่าวทั่วไป Tuesday January 13, 2015 17:49 —สำนักโฆษก

รองโฆษกรัฐบาลเผยนายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดงานวันเด็กฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมมอบก.ศึกษาฯ เร่งพัฒนาศักยภาพของครูให้มีความรู้ความสามารถควบคู่กับการดูแลขวัญกำลังใจและคุณภาพชีวิตครูให้ดีขึ้น

วันนี้ (13 ธ.ค.58) เวลา 14.20 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2258 จนประสบผลสำเร็จและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งการจัดงานฉลองวันเด็กฯ ปีนี้ได้รับความสนใจจากเด็กและเยาวชน รวมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์โดยทั่วไปดีขึ้น พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงวันครูที่จะมาถึงเร็ว ๆ นี้ว่า ไม่อยากให้เป็นเพียงแค่วันที่นักเรียนไปแสดงความเคารพครูด้วยการไหว้ครูเท่านั้น เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลต้องการที่จะเร่งรัดพัฒนาขีดความสามารถและส่งเสริมสนับสนุนให้มีการพัฒนาศักยภาพของครูให้มีความรู้ความสามารถ แต่ก็ไม่ให้ละเลยเรื่องการดูแลค่าครองชีพและขวัญกำลังใจ ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของครู ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ เพราะฉะนั้นจึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ ได้ไปพิจารณาดูแลในเรื่องดังกล่าวต่อไป

รวมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องที่ได้ไปพบปะหารือร่วมกับภาคธุรกิจเอกชนเมื่อวานนี้ (12 ม.ค.58) ณ บ้านเกษะโกมล ว่า หลายเรื่องที่ภาคธุรกิจได้เสนอนั้น รัฐบาลได้มีการดำเนินการไปหลายเรื่องเช่นกัน ส่วนเรื่องที่ภาคธุรกิจเสนอมาแต่รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการก็ได้รับมาเพื่อที่จะพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยนายกรัฐมนตรี ได้นำประเด็นดังกล่าวมาสั่งการต่อที่ประชุมครม. ดังนี้

1) เรื่องการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจยังมีปัญหา เนื่องจากนักธุรกิจได้ชี้แจงว่าในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า เช่น การจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนเกษตรกรชาวนา ดำเนินการไปใกล้จะครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่เรื่องยางพารายังดำเนินการได้ระดับหนึ่งและยังไม่ครบตามที่กำหนด ขณะที่เงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับการก่อสร้างและการซ่อมแซมอาคารในพื้นที่ต่าง ๆ ก็ยังดำเนินการไปได้ไม่มากนัก ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการว่า จะขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวโดยพยายามใช้คณะกรรมการนโยบายระดับจังหวัดเป็นส่วนช่วยในการขับเคลื่อน เพื่อเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐให้เกิดการผูกพันและสัญญาจ้าง รวมทั้งเกิดการจ้างแรงงานในพื้นที่ ตลอดจนจะใช้คณะกรรมการรัฐร่วมเอกชน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยเข้ามาช่วยขับเคลื่อนอีกทางหนึ่ง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐลงไปในพื้นที่มีความคล่องตัวและรวดเร็ว สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง

2) กรณีข้อเสนอของภาคนักธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าผ่านจุดต่าง ๆ ทั้งด้านศุลกากร ด่านชายแดนพบว่ามีสินค้าค้างต้องใช้เวลานานในการที่จะผ่านด่านดังกล่าว เนื่องจากด่านไม่ได้ปฏิบัติงานในลักษณะแบบเดียวกับทางทหารเพราะเป็นเจ้าหน้าที่ข้าราชการพลเรือน และมีการปฏิบัติงานในลักษณะเช้าจนถึงเวลาประมาณ 16.30 น. ทำให้สินค้าคั่งค้างส่งผลให้ไม่เกิดการไหลเวียนของระบบเศรษฐกิจที่ทันต่อการเจริญเติบโต หรือแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้น นายกรัฐมนตรี จึงได้มอบนโยบายว่า ขอให้ทางกรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป

3) เรื่องการของอนุญาตในการก่อสร้างและทำธุรกิจในเขตพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมหรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยภาคธุรกิจได้ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมามีคณะกรรมการที่พิจารณาอยู่เฉพาะในพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้น ทำให้การขออนุญาตหรือการทำ EIA ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใช้เวลาค่อนข้างนาน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้มีการสอบถามถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยพลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ชี้แจงว่า เรื่องนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ได้มีการขับเคลื่อนอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อกระจายการพิจารณา EIA ลงไปในระดับจังหวัด โดยขั้นตอนขณะนี้เรื่องอยู่ที่หน้าห้องรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ทั้งนี้มีจังหวัดที่เพิ่มขึ้นมาที่สามารถที่จะพิจารณาตามที่ภาคธุรกิจร้องขอ จำนวน 6 จังหวัดไม่รวมกรุงเทพฯ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดชลบุรี รวมกรุงเทพฯ ก็จะเป็น 7 จังหวัด ซึ่งเรื่องนี้ก็จะมีการชี้แจงทำความเข้าใจกับภาคธุรกิจอีกครั้งว่าขณะนี้ตามที่ภาคธุรกิจร้องขอมานั้น ขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กำลังดำเนินการคาดว่าจะสำเร็จภายใน 1 เดือน

4) เรื่องการทำสัญญาก่อสร้าง โดยเฉพาะการซ่อมแซมอาคารที่เป็นงบประมาณของรัฐบาลเพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจระบุว่า เมื่อมีการปรับลดน้ำมันเชื่อเพลิง ทาง ครม. ก็ได้มีมติให้มีการปรับค่าราคากลางในการก่อสร้างลงมา จึงทำให้มีขั้นตอนเพิ่มขึ้นทำให้ใช้เวลานานในการที่จะผูกพันงบประมาณและกำหนดราคากลางใหม่ ดังนั้นขอเสนอว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่ต้องกำหนดราคากลางใหม่ เพราะรัฐบาลก็ได้ประโยชน์จากการกำหนดค่า K (เงินเพิ่มที่ได้จากการก่อสร้าง) ซึ่งในส่วนนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า เรื่องนี้ไม่สามารถที่จะทำตามคำร้องขอของภาคธุรกิจได้ เพราะค่า K และการกำหนดราคากลางใหม่ นั้น เป็นไปตามสัดส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง และถือเป็นปัจจัยหลักรวมถึงเป็นต้นทุนในการก่อสร้าง ซึ่งภาครัฐและประชาชนได้ประโยชน์ แต่ภาคธุรกิจอาจจะเสียประโยชน์ เพราะฉะนั้นอะไรก็แล้วแต่ที่สงวนไว้และเป็นประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนทั้งประเทศ รัฐบาลคงปรับลดให้ไม่ได้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติเห็นชอบไปแล้วเมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่าได้การลงนามในคำสั่งในนามหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของทางด้าน คสช. ควบคู่กับคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายในส่วนของรัฐบาล ซึ่งเป็นการทำงานทั้งสองส่วนควบคู่ไปพร้อมกัน โดยในส่วนของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานด้วยตนเอง และมีรองนายกรัฐมนตรีทุกฝ่ายร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ดังกล่าว ขณะที่ด้าน คสช. นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรองหัวหน้า คสช. เป็นประธาน ทั้งเพื่อให้การดำเนินการทุกอย่างซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลและหัวหน้า คสช.สามารถขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการถึงเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้ โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง ทบวง กรม ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดที่มีผลกระทบต่อการบริหารงานของรัฐบาลและเศรษฐกิจภายในประเทศ พร้อมรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถที่จะปรับเปลี่ยนและแก้ไขให้ทันและสอดคล้องกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานและเศรษฐกิจในประเทศไทย

ส่วนเรื่องการจัดกลุ่มของเกษตรกรต่าง ๆ ทั้งกลุ่มเกษตรกรชาวนา ชาวสวนยางพารา เกษตรกรกล้วยไม้ ฯลฯ นั้น นายกรัฐมนตรี ต้องการที่จะให้มีการจัดกลุ่มให้ชัดเจนและมีการลงทะเบียนให้เรียบร้อย เพื่อรัฐบาลจะได้มีมาตรการเข้าไปช่วยส่งเสริมสนับสนุนประชาชนเกษตรกรดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม มีการแก้ปัญหาได้ชัดเจนและตรงจุดอย่างแท้จริง โดยนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเกษตรกรลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจและจัดกลุ่มลงทะเบียนให้ครบทุกลุ่ม ป้องกันการนำผลประโยชน์ทางด้านการเมืองมาต่อรองและให้มาตรการที่จะช่วยเหลือเกิดประโยชน์ต่อประชาชนกลุ่มในพื้นที่อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีที่มีช้างป่าออกมาในพื้นที่การท่องเที่ยว โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ว่า สังคมเห็นใจทั้งช้างและคน ในฐานะที่รัฐบาลอยู่ตรงกลางก็จะต้องดูแลทั้งช้างและประชาชนที่เดินทางไปท่องเที่ยวด้วย เพราะถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเป็นการอนุรักษ์เขตอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่าตลอดจนสัตว์สงวนต่าง ๆ โดยนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหากับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ซึ่งพลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ชี้แจงว่าที่ผ่านมาได้มีการติดป้ายแนะนำการปฏิบัติตามสองข้างทาง แต่ปรากฏว่าในช่วงหลังประชาชนขับรถไปก็ไม่ทันได้อ่าน จึงได้เปลี่ยนมาตรการด้วยการแจกจ่ายแผ่นพับอธิบายและชี้แจงข้อปฏิบัติอย่างละเอียดว่าในการผ่านเข้าไปในพื้นที่มีข้อควรระมัดระวังในเรื่องใด และต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะเมื่อพบช้างจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ส่วนพื้นที่ที่เป็นพื้นที่วิกฤตซึ่งคาดว่าจะมีสัตว์ป่าผ่านมาบ่อยครั้งก็จะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอยดูแลและให้คำแนะนำเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งคาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้พอสมควร

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ