วันนี้ (14 ม.ค.58) เวลา 18.00 น. ณ บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558 ได้เป็นประธานในพิธีเปิดปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558 อย่างเป็นทางการ เพื่อส่งเสริมปีการท่องเที่ยวไทย และเพื่อผลักดันนโยบายของรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรี (12 พ.ย.57) ให้ปี พ.ศ.2558 เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทย (2015 Discover Thainess) และเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งกำหนดเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 ถึงเดือนธันวาคม 2558 เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ประเทศไทยในมุมมองใหม่ เน้นคุณค่าที่นักท่องเที่ยวจะได้รับจากการมาเที่ยวเมืองไทยผ่านวิถีไทย เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ยอมรับความเป็นไทย ตลอดจนให้เกิดการแบ่งปันประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยภายในงานได้มีการนำความเป็นวิถีไทยมาถ่ายทอดในรูปขบวนแห่ทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างการรับรู้ถึงภาพลักษณ์อันงดงามและความเป็นเอกลักษณ์ของไทย รวมทั้งมิตรไมตรีของคนไทย และความสนุกสนานที่พบเห็นได้ทุกถิ่นทั่วไทย ประกอบด้วย ขบวนท่องเที่ยววิถีไทย พร้อมการแสดงโขนรามเกียรติ์ตอนพระรามคืนนคร ขบวนทัศนาวิถีไทย 5 ภาค ขบวนมรดกวิถีไทย ขบวนภูมิปัญญาไทย ขบวนสยามสนุก และขบวนสยามเมืองยิ้ม พร้อมเที่ยวชม "งานเทศกาลท่องเที่ยวเมืองไทย 2558" ระหว่างวันที่ 14 - 18 มกราคมนี้ ณ สวนลุมพินี จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมี นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คณะผู้บริหาร ผู้แทนกระทรวงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะทูตานุทูต และสื่อมวล เข้าร่วมงาน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิด “ปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558” ในวันนี้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญ เพราะรัฐบาลปัจจุบันมีนโยบายสนับสนุนให้มีการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีการรับรู้ไปอย่างกว้างขวาง เพื่อรองรับการเข้าสู่ประประชาชนคมอาเซียนในปี 2558 นี้ โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมซึ่งต่างประเทศต่างให้ความสนใจที่จะเดินทางมาสัมผัสและท่องเที่ยวในเมืองไทย รวมทั้งในเรื่องของการดูแลรักษาสุขภาพ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ต่างประเทศให้ความชื่นชมและกล่าวถึงมากคือคนไทยเป็นคนที่น่ารักและมีอัธยาศัยไมตรีที่ดี มีรอยยิ้มที่สดใสน่ารัก ซึ่งทุกคนสามารถที่จะช่วยกันทำให้คนในประเทศไทยและต่างประเทศมีความสุขได้
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่จะทำให้ประเทศไทยกว้างไปข้างหน้าว่า ประเทศไทยจะต้องเป็นประเทศที่มีความมั่นคง คือ มีเสถียรภาพ มั่งคั่งในทุกระดับของประชาชนคนไทย และยั่งยืนตามแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งวิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” จะดำเนินการภายใน 5 ปี (2558 - 2562) เพราะฉะนั้น วันนี้จึงเป็นวันที่ทุกคนจะเริ่มต้นทำสิ่งดี ๆ ร่วมกัน เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้หรือทุกพื้นที่ของประเทศไทยเป็นพื้นที่แห่งรอยยิ้ม เพราะแผ่นดินประเทศไทยบรรพบุรุษ และบูรพมหากษัตริย์ทุกพระองค์ได้สร้างและรักษาแผ่นดินผืนนี้ไว้จนถึงพวกเราทุกคนในปัจจุบัน ทั้งนี้สิ่งที่ต่างประเทศรู้จักประเทศไทยคือ สถาบันพระมหากษัตริย์ วัฒนธรรมที่เป็นของคนไทยมายาวนาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนควรภาคภูมิใจและเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดที่จะมาทำลายสิ่งเหล่านี้ได้ ดังนั้นทุกคนต้องรวมมือและรวมพลังกัน เพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยต้องมีการประชาสัมพันธ์ในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้ประชาชนและต่างชาติได้รับทราบอย่างกว้างขวาง
ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งการให้ข้อมูลและความรู้ที่ถูกต้องกับประชาชนและนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังจะเพิ่มการท่องเที่ยวทางทะเล และทางน้ำอีกทางหนึ่งให้เชื่อมโยงกับทุกจังหวัดและทุกภาคส่วน โดยรัฐบาลจะสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงทั้งการให้การบริการ การค้าขาย หรือเรื่องอาหารและโรงแรมที่พัก สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่โลกมีการเชื่อมโยงกันในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา และความมั่นคง เป็นต้น
พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอให้ประชาชนทุกคนเชื่อมมันในการดำเนินการของรัฐบาลในขณะนี้ โดยรัฐบาลจะพยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดถึงแม้จะมีปัญหาและมีความขัดแย้ง หรือมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าถ้าสามารถทำให้มีรายได้ที่ดีเข้าประเทศ และประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นสังคมก็จะดีขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญวันนี้คือต้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะการที่ทุกคนมีวันนี้ได้เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทำไว้ให้คนไทยทุกคน ดังนั้นทุกคนก็ต้องร่วมกันสานต่อและอนุรักษ์ รักษาของเก่าเหล่านี้ไว้ให้ได้
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน ตลอดจนภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมกันดำเนินการสนับสนุนและนำการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับเอกลักษณ์อันโดดเด่นในวิถีแห่งความเป็นไทยนำไปสู่การผลักดันจนเป็น “ปีท่องเที่ยววิถีไทย” ทั้งนี้ทุกคนถือเป็นเจ้าของประเทศไทยซึ่งต้องร่วมกันดำเนินการเพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมทุกคนป้องกันปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ทำพิธีเปิดปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558 โดยตีฆ้อง 3 ครั้ง พร้อมชมขบวนแห่ทางวัฒนธรรม ประกอบด้วย 1) ขบวนท่องเที่ยววิถีไทย นำเสนอความเป็นดินแดนสุวรรณภูมิ ที่มีทั้งความอุดมสมบูรณ์ ความงดงาม และความเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย 2) ขบวนทัศนาวิถีประเพณีไทย 5 ภาค นำเสนอความเป็นไทยที่ยังคงเด่นชัด และยังมีอยู่จริงผ่านประเพณีไทยที่น่าสนใจแต่ละภูมิภาคมานำเสนอ ได้แก่ ภาคเหนือ ประเพณีแห่สลุงหลวง จังหวัดลำปาง ภาคกลาง ประเพณีสงกรานต์ ภาคตะวันออก เทศกาลผลไม้และวิถีแห่งกวีเอกไทย (สุนทรภู่) ภาคอีสาน ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร และภาคใต้ ประเพณีชักพระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
3) ขบวนมรดกวิถีไทย เป็นการนำเสนอมรดกศิลปะการต่อสู้แบบไทย และการไหว้ครูมวยไทย เพื่อถ่ายทอดความเป็นหนึ่งเดียวของไทย 4) ขบวนภูมิปัญญาไทย เป็นขบวนที่นำเสนอมรดกแห่งวัฒนธรรม และยังความเป็นวิถีของคนไทยที่โดดเด่นและแตกต่าง จนสามารถสร้างซื่อเสียงให้ประเทศไทยได้ในระดับโลก เช่น ผ้าไหมไทย อาหารไทย
5) ขบวนสยามสนุก เป็นขบวนที่จะแสดงให้เห็นถึงความสนุกสนาน ที่แทรกซึมอยู่ในวัฒนธรรมไทยที่มีอยู่ในทุกพื้นที่ของประเทศไทยจนเป็นที่ประทับใจไปทั่วโลก 6) ขบวนสยามเมืองยิ้ม เป็นขบวนที่นำรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีความพร้อมในการต้อนรับ และมาเชิญให้นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองไทย
ทั้งนี้การจัดงานดังกล่าวได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ตลอดจนประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมาก
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th