สถานีทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ขนมาโชว์ โดยไฮไลต์สำคัญ คือ สถานีธรรมชาติมหัศจรรย์ โดยนำเสนอเทคนิค ขั้นตอนวิธีการใช้ประโยชน์ และความสำคัญจากการสตัฟฟ์สัตว์เพื่อการเก็บรักษา และการจัดแสดงผ่านตัวอย่างสัตว์สตัฟฟ์เกือบทุกกลุ่ม ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก ปลา สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกและสัตว์เลื้อยคลาน ที่สำคัญจะมีการคืนชีวิตให้ซากสัตว์เหมือนมีชีวิตในอิริยาบถใกล้เคียงธรรมชาติด้วยเทคนิค Taxidermy ที่มีความหมายว่าศิลปะหรือเทคนิคที่ทำให้สัตว์ที่ตายมีรูปกายเหมือนมีชีวิตกลับคืนมาอีกครั้ง
ในส่วนกิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ได้นำครอบครัวอะตอมเปิดประตู่สู่โลกวิทยาศาสตร์ เครื่องบินเล็กสำรวจปริมาณรังสีในสิ่งแวดล้อมและชุดหุ่นเก็บวัสดุกัมมันตรังสีมาโชว์เป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ (สดร.) ได้นำสถานีไขความลับหลุมดำที่มีการจำลองสภาวะการตกลงสู่หลุมดำและความรู้เกี่ยวกับหลุมดำ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในระบบอีเลิร์นนิ่ง โมเดลดาวเคราะห์ในระบบสุริยะทั้ง 8 ดวง สถานีระฟ้าท้าอวกาศที่จะพาไปตะลุยอวกาศและไต่ชั้นบรรยากาศของโลกที่เราอาศัยอยู่ของ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) ที่สำคัญต้องดูให้ได้คือของเล่นภูมิปัญญาไทย ซึ่งหาได้ยากในประเทศไทย ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) จะเปิดตัวเป็นครั้งแรก โดยจะมีการรวบรวมของเล่นภูมิปัญญาไทยที่มากที่สุดมาโชว์ เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์ของเล่นพื้นบ้านที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ
ทั้งนี้ ในส่วนสถานีอื่นๆ ตัวอย่างเช่น พลังวิทย์ของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กับ The Xvolution game การเรียนรู้วิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตผ่านแอพพลิเคชั่น ที่สถานีพลังวิทย์มหัศจรรย์แสงแห่งไอทีเรียนรู้โลกสารสนเทศไปกับกิจกรรมทางไอทีที่หลากหลาย นิวเคลียร์เพื่ออนาคตก็จะพบกับ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ที่ได้นำความรู้ด้านนิวเคลียร์และแสงกับรังสีมาโชว์ สถาบันมาตรวิทยา (มว.) นำโลกแห่งแสงสี ห้องปฏิบัติการแสง สี การกระจายคลื่นแสงและใยแก้วนำแสง STKC ได้นำความรู้ด้าน วทน. กิจกรรมทายคำ ปริศนาอักษรไขว้ และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) นำกิจกรรมความรู้สร้างสรรค์จากสิ่งใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมให้กับเด็กๆ และเยาวชนได้ร่วมสนุก สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) ได้นำความรู้เกี่ยวกับคลังข้อมูลน้ำมาให้เด็กๆ เยาวชนได้ศึกษาและเรียนรู้ ทั้งยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานทดแทนกับสถานีสีเขียวของ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และ STEM for Kids ของ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ในกิจกรรมสถานีการทดลอง การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ในทุกๆ ด้าน ทั้งชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ ความรู้พื้นฐาน รวมถึงคณิตศาสตร์ ศูนย์บริการร่วม วท. (ศบร.) ได้นำนิทรรศการกิจกรรม เกมส์ตอบคำถามด้านวิทยาศาสตร์ เกมส์เศรษฐี เกมส์โยนห่วง เกมส์ Tower และเกมส์เปิดป้าย 1313 มาให้ร่วมสนุก และที่สำคัญในปีนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษสำหรับกลุ่มเด็กพิเศษที่สามารถร่วมสนุกได้ที่สถานีถอดรหัสพันธุกรรมของ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (ศลช.)
นอกจากนี้ เนื่องด้วยในปีนี้ องค์การสหประชาชาติประกาศให้เป็นปีแสงและเทคโนโลยีด้านแสงสากล และปีดินสากล เพื่อเป็นการร่วมฉลองทั้งสองปีสากลนี้จึงจัดสถานีทดลองต่างๆ ให้มีความสอดคล้องกับเรื่องของแสงและดินอย่างหลากหลาย อาทิ การทดลองขุดคุ้ยดินประเภทต่างๆ เพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตน้อยๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนดิน ปลูก-ปั้น-แต่ง ที่จะฝึกใช้ประโยชน์จากดินร่วน ดินเหนียว ดินทราย และมาตรวิทยากับโลกแห่งแสงสีที่ให้เด็กๆ และเยาวชน ได้รู้จัก “แสง” และ “ประโยชน์ของแสง” รวมทั้งยังมี 5 ยอดมนุษย์ซินโครตรอนของ สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (สซ.) ที่จะพาไปท่องในโลกกว้าง สายรุ้งทำมือ Glass Bead Bow สถานีเฉพาะเด็กเล็ก 3 กิจกรรมคือ 1. เมล็ดพืชเต้นระบำ โดยเอาเมล็ดพืชใส่ขวดโซดา จะเด้งลอยขึ้น การสอนเรื่องอากาศและอากาศที่อยู่ในน้ำ 2. สนุกกับเสียง (ไก่กระต้าก) 3. ลูกข่างหลากสี เป็นแผ่นซีดี กับลูกแก้ว หมุนเป็นลูกข่าง การสอนเรื่องการผสมสี รวมทั้ง กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) ได้สร้างสวนสนุกมาสร้างความสุขหรรษาให้กับเด็กๆ และเยาวชนได้ร่วมสนุก โดยนำเอาสวนสนุกขนาดใหญ่มาให้น้องๆ เรียนรู้วิทยาศาสตร์ในสถานีต่าง ๆ การทำถุงมือยาง จินตนาการสรรค์สร้างงานผลิตเซรามิกและเทียนเจลแฟนซี เพื่อผิวสวยกระจ่างใสกับการทำผลิตภัณฑ์ขัดผิว Herbal scrub พร้อมอิ่มอร่อยกับการทำไอศกรีมผลไม้ ความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการนักวิทยาศาสตร์น้อย การทดลองมหัศจรรย์สีแฟนซีขวดน้ำเพื่อประลองความแม่นยำ
ในส่วนของกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กจิ๋วแต่แจ๋วด้วยตัวอย่างแร่–หินที่สวยงามหายากในประเทศไทย พร้อมองค์ความรู้ด้านธรณีวิทยามาอย่างครบถ้วน และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำกิจกรรมสุขหรรษา สวนสนุก สมอ. ที่นำสวนสนุกและกิจกรรมประกวดภาพระบายสีมาสร้างสีสันภายในงาน
การร่วมกิจกรรมบนถนนสายวิทยาศาสตร์นี้ ทางผู้จัดงานได้เตรียมพาสปอร์ต เป็นหนังสือเดินทางบนถนนสายวิทยาศาสตร์ที่ท้าทายความสามารถของเด็กๆ และเยาวชน ในการเดินทางและเรียนรู้กิจกรรมต่างๆ ให้ครบทุกสถานี เพื่อรับรางวัลต่างๆ ที่ซุ้มรับรางวัล ซึ่งจัดเตรียมไว้อย่างมากมาย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงขอเชิญชวนน้องๆ และโรงเรียนที่สนใจสามารถมาเที่ยวชมงานถนนสายวิทยาศาสตร์ได้ฟรี โดยสามารถเดินทางได้ทั้งรถโดยสารประจำทาง ตลอดจนรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งในวันที่ 10 มกราคม ได้เตรียมรถ Shuttle Bus ไว้รับ-ส่ง ณ สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มาเที่ยวชมงานด้วย
ข่าวโดย : นางสาวนีรนุช ตามศักดิ์
ภาพข่าวโดย : นายรัฐพล หงสไกร และ นางสุนิสา ภาคเพียร นางวงษ์
ที่มา: http://www.thaigov.go.th