ผลประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ครั้งที่ 1/2558

ข่าวทั่วไป Wednesday January 14, 2015 13:33 —สำนักโฆษก

ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ครั้งที่ 1/2558 เมื่อวันพุธที่ 14 มกราคม 2558 ที่ห้องประชุมจันทรเกษม ซึ่งมีพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม ว่าที่ประชุมได้มีการหารือประเด็นการปฏิรูปการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของสำนักงาน กศน. และการแก้ปัญหาการกวดวิชา รวมทั้งรับทราบการส่งนักศึกษาอาชีวะไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอุทกภัยในมาเลเซีย

การปฏิรูปการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย

โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้ทิศทางการพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการและสภาการปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ต้องการให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดเวลา เรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพ ไม่ใช่เรียนเพื่อวุฒิการศึกษาหรือใบประกาศนียบัตร

ดังนั้น สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.) จะต้องปรับบทบาทให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาการศึกษาในอนาคต ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยมากขึ้น โดยจะต้องพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งผู้ใหญ่ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน เช่น เกษตรกร หรือแม้กระทั่งเด็กที่ไม่สามารถเรียนในระบบได้ เช่น คุณแม่วัยใส ตลอดจนผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ มีประสบการณ์การทำงานมายาวนาน ที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศได้ต่อไป

ซึ่งจะต้องวางแผนจัดการศึกษาให้รองรับจำนวนผู้สูงอายุที่จะเพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศในอีก 10-15 ปีข้างหน้าอีกด้วย เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลาอย่างมีคุณภาพ สามารถนำความรู้ที่เรียนไปประกอบอาชีพได้ โดยจะมีการประชุมหารือเพื่อปรับบทบาทและวางแผนพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในระยะยาว (10-15 ปี) ต่อไป

การแก้ปัญหาการกวดวิชา

โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีการเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชา ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่มีผลกำไรว่า เป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรที่จะเรียกเก็บภาษีตามอัตราที่กำหนด แต่ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการนั้น มีหน้าที่ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พร้อมทั้งพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพเท่าเทียมกัน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยลดการเรียนกวดวิชาของนักเรียน อันมีผลถึงการลดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองด้วย

จึงควรเน้นเพื่อปรับทัศนคติ มุมมองของสังคม ให้มองที่ศักยภาพของคนมากกว่ามองที่คะแนนสอบ มีการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนให้ใกล้เคียงกัน ปรับรื้อระบบการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ที่ไม่ได้ใช้วิธีสอบเพียงอย่างเดียว เช่น การรับตรงในระบบโควตาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่รับนักเรียนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่มีผลการเรียนเฉลี่ย 2.75 ขึ้นไป

นอกจากนี้ จะต้องปรับการวัดและประเมินผลของสถานศึกษา ที่ไม่ได้วัดจากคะแนนเพียงอย่างเดียว โดยพิจารณาจากการเข้าร่วมกิจกรรม การเข้าชมรม มีการออกใบรับรองโดยสถานศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ประกอบการเข้าเรียนต่อได้ เช่น คณะบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีการออกใบรับรองผลการศึกษา (Transcript) 2 ใบ คือใบรับรองผลการศึกษาทางวิชาการ และใบรับรองด้านกิจกรรม เพื่อให้ผู้ประกอบการได้พิจารณาจากใบรับรองกิจกรรมด้วย

หากกระทรวงศึกษาธิการเริ่มดำเนินการนำร่องวัดและประเมินผลด้วยกิจกรรมหรือชมรมตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา ปรับระบบการสอบตรงเป็นรับตรง และให้ใช้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมหรือชมรมเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา พร้อมทั้งพัฒนาคุณภาพของโรงเรียนควบคู่ไปด้วย ก็จะช่วยลดปัญหาการเรียนกวดวิชามากเกินความจำเป็นได้ในระยะยาว

สอศ.ส่งทีมฉุกเฉินซ่อมสร้างบ้านเรือนที่เสียหายจากเหตุอุทกภัยในมาเลเซีย

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า ได้ส่งทีมฉุกเฉินกว่า 100 คน ไปช่วยเหลือดูแลซ่อมแซมและสร้างบ้านเรือนที่พังเสียหายจากเหตุอุทกภัยใหญ่ในหลายรัฐของประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะที่รัฐกลันตันซึ่งได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายมากที่สุดซึ่งรัฐบาลของมาเลเซียรู้สึกซาบซึ้งและประทับใจต่อน้ำใจของกระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้เป็นอย่างมาก เพราะ สอศ.อาสาไปช่วยเหลือด้วยความเต็มใจโดยที่มาเลเซียไม่ได้ร้องขอ โดยกระทรวงศึกษาธิการจะได้รายงานการให้ความช่วยเหลือครั้งนี้ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบในโอกาสต่อไป

นวรัตน์ รามสูต

บัลลังก์ โรหิตเสถียร

สรุป/รายงาน

14/1/2558

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ