พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และการทำประมงผิดกฎหมาย ได้ให้ความสำคัญในนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งติดตามผลการทำงานของแต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการในเรื่องนี้ โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจำนวน ๕ คณะ เพื่อขับเคลื่อนแผนการปฏิบัติงานและมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านสตรีในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ (ด้านสตรี) ร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และเมื่อวันที่ ๕ ม.ค. ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา ได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อพิจารณาแผนปฏิบัติการและมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ (ด้านสตรี) และได้นำแผนดังกล่าวนำเสนอนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแผนดังกล่าว และร่างคำสั่งฯแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านสตรีในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ตามที่เสนอต่อที่ประชุม เมื่อวันพุธที่ ๗ ม.ค. ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา
พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้ มีการพิจารณาในประเด็นสำคัญ ได้แก่ ๑) แนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการและมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ (ด้านสตรี) ๒) การมอบหมายภารกิจให้แต่ละหน่วยงานในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการและมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ (ด้านสตรี) ๓) ร่างแบบฟอร์มการรายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการและมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ (ด้านสตรี) ๔) การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการและมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ (ด้านสตรี) ในระดับภูมิภาค
พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการประชุมครั้งนี้ มีการหารือถึงแผนปฏิบัติการและมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ (ด้านสตรี) ซึ่งกระทรวงฯมีมาตรการด้านการป้องกัน โดยการทบทวน MOU และกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การป้องกันการเข้ามาประเทศของสตรีโดยผิดกฎหมาย มีการตรวจสอบจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการค้ามนุษย์ การเข้มงวดสกัดกั้นตามพื้นที่เขตชายแดน มาตรการการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมทั้งมีการเพิ่มพนักงานสอบสวนหญิงในจังหวัดพื้นที่เสี่ยงจำนวนกว่า ๗๐ คน พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนล่ามแปลภาษาในพื้นที่จังหวัด ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่เสี่ยงการค้ามนุษย์ เพื่อใช้ในกระบวนการคัดแยกผู้เสียหายจากกระบวนการค้ามนุษย์
ที่มา: http://www.thaigov.go.th