พม. เตรียมเยียวยาสภาพจิตใจแรงงานประมงไทย ที่ขอความช่วยเหลือต้องการกลับประเทศไทย หลังหลบหนีจากเรือประมง ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศมาเลเซียนานกว่า ๖ ปี

ข่าวทั่วไป Friday January 16, 2015 17:49 —สำนักโฆษก

วันนี้ (๑๖ ม.ค. ๕๘) เวลา ๐๘.๓๐ น. น. พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.)ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๘ เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขและป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น ๘ อาคารใหม่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สะพานขาว กรุงเทพฯ

"ขณะนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้จัดทำรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons-TIP Report) ปี ๒๕๕๘ เสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างส่งแปลเป็นภาษาอังกฤษก่อนส่งให้สหรัฐอเมริกา ภายในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๘ นี้ อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่เร่งขับเคลื่อนงานด้านป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ และเป็นรูปธรรมมากขึ้น” พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวตอนท้าย

พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวต่อไปว่า กรณีชายอายุ ๓๘ ปี ที่มีอาชีพเป็นครูและพิการทางสายตา แต่มีความมานะบากบั่น สู้ชีวิต เล่าเรียน จนกระทั่งจบปริญญาโท ก่อนใช้ความรู้ความสามารถมาถ่ายทอดให้ผู้พิการตาบอด ที่โรงเรียนสอนคนตาบอดลำปางนั้น ตนขอแสดงความชื่นชม พร้อมทั้งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณายกย่องให้เป็นคนพิการตัวอย่างที่ดีของสังคมและเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างแรงบันดาลใจให้คนพิการทั่วประเทศ ในการใช้ชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวว่า จากกรณีของผู้ประสบปัญหาทางสังคมที่มีการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆนั้น ในกรณีชายอายุ ๔๐ ปี แรงงานไทยชาวจังหวัดอุบลราชธานี โพสต์เฟซบุ๊กระบุอยากกลับประเทศไทย เนื่องจากไม่มีพาสปอร์ต หลังหลบหนีจากเรือประมงใช้ชีวิตอยู่ในประเทศมาเลเซียนานกว่า ๖ ปี ซึ่งล่าสุดได้รับการช่วยเหลือจากกระทรวงต่างประเทศแล้ว และอยู่ในระหว่างขั้นตอนการทำเอกสารเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย ได้กำชับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายหลังจากเดินทางถึงประเทศไทย พร้อมทั้งลงพื้นที่เยี่ยมบ้านครอบครัวผู้เสียหายตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ต่อไป สำหรับกรณีชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในโรงเรือนหลังสถานีตำรวจภูธรหัวไทร หลายคนเริ่มจับคู่ทะเลาะวิวาทกันเอง ในการแย่งชิงอาหารที่มีผู้มามอบให้จนถึงขั้นตบตีกัน ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น ได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช

(พมจ.นครศรีธรรมราช)ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือในเบื้องต้นตามหลักสิทธิมนุษยชน ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมชายอายุ ๒๔ ปี และ หญิงสาว อายุ ๑๘ ปี สองสามีภรรยา ที่ร่วมกันก่อเหตุล่อลวงเด็กหญิงอายุ ๑๓ ปี และเด็กชายอายุ ๑๑ ปี ซึ่งทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน เพื่อข่มขืนกระทำชำเราและกักขังตัวไว้เป็นเวลาหลายวัน ที่จังหวัดปทุมธานี ได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเร่งให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมทั้งเยียวยาสภาพจิตใจเด็กทั้งสองคนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กลับมาเรียนหนังสือและใช้ชีวิตในสังคมต่อไปได้

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ